การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็นสมบูรณ์ในการพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในโรงเรียน 3 จังหวัดชายแดนใต้

Main Article Content

นาอีมะห์ สามะ
มัฮดี แวดราแม

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาและจัดลำดับความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอนในโรงเรียน 3 จังหวัดชายแดนใต้ 2) เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่ส่งผลให้เกิดความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะในการทำวิจัยในชั้นเรียน และ 3) เพื่อกำหนดแนวทางในประเมินความต้องการจำเป็นการพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยในชั้นเรียน ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3 จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน 293 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอนในขั้นตอนที่ 1 และการสนทนากลุ่มในขั้นตอนที่ 2 และขั้นตอน 3 ซึ่งเป็นครูที่มีวิทยฐานะต่างกัน กับผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยในชั้นเรียนกลุ่มละ 8 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยในชั้นเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างสภาพที่เป็นอยู่กับสภาพที่ควรจะเป็น ด้วยการเรียงลำดับผลต่างของคะแนนเฉลี่ย ด้วยวิธี Modified Priority Needs Index (PNImodified) แบบบันทึกการสนทนากลุ่มและการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการศึกษาและจัดลำดับความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในโรงเรียน 3 จังหวัดชายแดนใต้ทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ การกำหนดปัญหาการวิจัย การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การออกแบบการวิจัย การวิเคราะห์ และการสรุปผลและการเขียนรายงานการวิจัย โดยภาพรวมถือว่ามีความต้องการจำเป็นที่ต้องพัฒนา โดยค่าเฉลี่ย (PNImodified = 0.46) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า 3 ลำดับแรกที่มีความต้องการจำเป็นที่ต้องพัฒนา โดยการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มีความต้องการจำเป็นสูงสุด (PNImodified = 0.49) รองลงมา คือการสรุปผลและการเขียนรายงานการวิจัย (PNImodified = 0.48) และการวิเคราะห์ข้อมูล (PNImodified = 0.47) ตามลำดับ 2) ผลการวิเคราะห์สาเหตุที่ส่งผลให้เกิดความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยในชั้นเรียนสามารถสรุปเป็น 2 สาเหตุ คือ สาเหตุที่เกิดจากความรู ้ความเข้าใจของครูเกี่ยวกับการทำวิจัยในชั้นเรียน และสาเหตุที่เกิดจากปัจจัยอื่น เช่น ขาดการสนับสนุนจากผู ้บริหาร ขาดโค้ชหรือที่ปรึกษาด้านวิจัย และไม่มีเวลาในการทำวิจัย 3) ผลการกำหนดแนวทางในการพัฒนาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยในชั้นเรียน สามารถสรุปได้ 2 แนวทางคือ การสร้างความตระหนักรู้ของครูให้เห็นถึงความสำคัญของการทำวิจัยในชั้นเรียน และการพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยในชั้นเรียนของครู โดยให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นประจำทุกปี

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สามะ น., & แวดราแม ม. (2025). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็นสมบูรณ์ในการพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในโรงเรียน 3 จังหวัดชายแดนใต้: . วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, 36(1), 206–219. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edupsu/article/view/269597
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Banditthata, W. (2018). The role of school administrators in promoting classroom research among teachers toward education in Thailand 4.0 under the Office of Secondary Educational Service Area 26. Journal of Mahamakut Buddhist University Roi Et Campus, 9(1), 42–51. [in Thai]

Chantarat, W. (2020). The effects of a research supervision model using information technology to promote teachers' classroom research competency in primary educational service areas in the Southern Border Provinces on teachers’ knowledge, skills, and satisfaction in conducting classroom research. [Doctoral dissertation, Prince of Songkla University]. [in Thai]

Kamket, W. (2012). Research methodology in behavioral sciences. (3rd ed.). Chulalongkorn University Press. [in Thai]

Krainara, P. (2023). Teacher development for success in conducting research among teachers under the Narathiwat Primary Educational Service Area Office. Journal of Educational Dimensions, 1(1), 23–37. [in Thai]

Phithakkhetkhan, T. (2017). The necessity for promoting classroom research among teachers by school administrators in Phayawang secondary school group under the Office of Secondary Educational Service Area 35. [Master’s thesis, Sukhothai Thammathirat Open University]. [in Thai]

Pornchaiya, P. (2018). Development of a model for enhancing classroom research competency among teachers under the Office of Secondary Educational Service Area 23. Pacific Institute of Management Science Academic Journal, 4(1), 25–43. [in Thai]

Ritjaroon, P. (2018). Classroom action research: Every teacher can do it easily. (11th ed.). Chulalongkorn University Press. [in Thai]

Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1977). On the Use of Content Specialists in the Assessment of Criterion-Referenced Test Item Validity.

Sasujit, S. (2022). A study of the need for enhancing classroom research skills among teachers at the Special Education Center in Lamphun Province. Journal of Education, Chiang Mai Rajabhat University, 1(3), 49–64. [in Thai]

Srikham, O. et al. (2018). Developing classroom research for educational personnel in training student teachers in professional experience. Buriram Rajabhat University Academic Journal, 10(2), 157–169. [in Thai]

Wongwanich, S. (2017). Classroom action research. (19th ed.). Chulalongkorn University Press. [in Thai]

Wongwanich, S. (2019). Needs assessment research. (4th ed.). Chulalongkorn University Press. [in Thai]