ผลการเรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ และการเรียนตามคู่มือครู เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคงทนความรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ต่างกัน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ เรื่องความรู้ เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของ บทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตที่พัฒนาขึ้น 3) เพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ ของนักเรียนที่มีระดับ การรู้คอมพิวเตอร์สูง กลางและต่ำ 4) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่มี ระดับการรู้คอมพิวเตอร์ต่างกันหลังเรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ 5) เพื่อเปรียบเทียบผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ กับเรียนตามคู่มือครู 6) เปรียบเทียบ ความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนหลังจากเรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ กับเรียนตาม คู่มือครู และ 7) เปรียบเทียบความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีระดับการรู้คอมพิวเตอร์ ต่างกันหลังเรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย 2 ห้องเรียน จำนวน 90 คน ซึ่งได้มาจากสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) แล้วจับสลากเป็นกลุ่มทดลองเรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ และ กลุ่มควบคุมเรียนตามคู่มือครู เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) บทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ 2) แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับการเรียนตามคู่มือครู 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) แบบวัดการรู้ด้านคอมพิวเตอร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ Paired Samples t-test, Independent Samples t-test, F-test (One-way ANOVA)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. บทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.22/81.61
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ ที่พัฒนาขึ้นมีค่าเท่ากับ 0.6777 3. นักเรียนที่มีระดับการรู้คอมพิวเตอร์สูง กลางและต่ำมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4. นักเรียนที่มีระดับการรู้คอมพิวเตอร์สูง กลางและต่ำที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บ แบบ NTeQ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนไม่แตกต่างกัน
5. นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ มีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่านักเรียน ที่เรียนตามคู่มือครูอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
6. นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ มีความคงทนทางการเรียนรู้สูงกว่า นักเรียนที่เรียนตามคู่มือครูอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
7. นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบ NTeQ ที่มีระดับความรู้คอมพิวเตอร์สูง กลาง และต่ำสามารถคงทนความรู้ได้ร้อยละ 99.79 99.59 และ 98.75 ของคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน ซึ่งไม่แตกต่างกัน (p>.05)
Effects of Learning Through Web-based Instruction Using the Constructivist Theory and Teacher’s Handbook Approach Entitled Introduction to Internet on Learning Achievement and Learning Retention of Matthayomsuksa 2 Students with Different Computer Literacy Abilities
The purposes of this study were: 1) to develop a NTeQ web-based instruction entitled An Introduction to Internet with an efficiency of 08/80 2) to find out an effectiveness index of the developed Web-based instruction (WBI) 3) to compare learning achievement before and after learning with the WBI of the students with high, medium and low computer literacy abilities 4) to compare learning achievement of the students with different computer literacy abilities after learning with the WBI 5) to compare learning achievement of the students who learned using the NTeQ web-based instruction and teacher’s handbook approach 6) to compare learning retention of the students who learned using the web-based NTeQ and the teacher’s handbook and 7) to compare learning retention of the students with different computer literacy abilities. The sample used in this study consisted of 90 Matthayomsuksa 2 students attending Roi-et Wittayalai school in the first semester of the academic year 2010, obtained using the cluster random sampling technique. These students were assigned to an experimental group of 45 students learned using a NTeQ web-based instruction and a control group of 45 students learned using the teacher’s handbook. The instruments used were: 1) a NTeQ web-based instruction 2) plans for learning organization using the teacher’s handbook 3) an achievement test and 4) a computer literacy scale. The statistics used for analyzing the collected data were percentage, mean and standard deviation; and paired t-test, independent t-test and F-test (One-way ANOVA) were employed for testing hypotheses.
The results of the study were as follows :
1. The efficiency of the developed NTeQ web-based instruction was 81.22/81.61
2. The effectiveness index of the developed web-based instruction was 0.6771
3. The students with high, medium and low computer literacy abilities showed gains in learning achievement from before learning with NTeQ web-based instruction at the .01 level of significance.
4. The students with different computer literary abilities showed indifferent gains is learning achievement of learning with NTeQ web-based instruction.
5. The students who learned using the NTeQ web-based instruction showed higher learning achievement than those students who learned using the teacher handbook at the .01 level of significance.
6. The students who learned using the NTeQ web-based instruction indicated more learning retention than those students who learned using the teacher hand book at the .01 level of significance.
7. The high, medium and low computer literary students who learned using the NTeQ web-base instruction showed the posttest mean scored of learning retention at 99.79, 99.59 and 98.75 percent, which has no difference (p>.05).
Article Details
- ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำเว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
- เนื้อหาต้นฉบับที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาด อันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์