วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/bruj <p><strong>วารสารวิชาการ</strong></p> <p> วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์เป็นวารสารที่พิมพ์เผยแพร่บทความวิจัย (Research articles) <br />และบทความวิชาการ (Academic articles) ในสาขาวิชาต่างๆ ทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วย บทความด้านการศึกษา บทความด้านดนตรี ประวัติศาสตร์ดนตรี และบทความด้านการบัญชี</p> <p><strong>อัตราค่าตีพิมพ์</strong> 3,500 บาท/บทความ</p> มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ th-TH วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 1906-7062 <ul><li>ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำเว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร </li><li>เนื้อหาต้นฉบับที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาด อันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์</li></ul> บทบรรณาธิการ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/bruj/article/view/272563 <p>ส่วนหน้า</p> วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ Copyright (c) 2024 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-30 2024-06-30 16 1 สารบัญ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/bruj/article/view/272559 <p>สารบัญ</p> วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ Copyright (c) 2024 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-30 2024-06-30 16 1 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ผกามาศ บุตรสาลี https://so02.tci-thaijo.org/index.php/bruj/article/view/267388 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาทักษะวิชาชีพบัญชีในยุคดิจิทัล การปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี และความสำเร็จในการทำงานของนักบัญชีในสำนักงานบัญชีคุณภาพในประเทศไทย 2) ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างทักษะวิชาชีพบัญชีในยุคดิจิทัลกับการปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี 3) ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างทักษะวิชาชีพบัญชีในยุคดิจิทัลกับความสำเร็จในการทำงาน และ 4) ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชีกับความสำเร็จในการทำงานของนักบัญชีในสำนักงานบัญชีคุณภาพในประเทศไทย โดยเป็นการวิจัยแบบผสม ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักบัญชีในสำนักงานบัญชีคุณภาพในประเทศไทย จำนวน 228 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ<br>&nbsp;ซึ่งค่าความเชื่อมั่นของทักษะวิชาชีพบัญชีในยุคดิจิทัลอยู่ระหว่าง 0.843-0.955 การปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี อยู่ระหว่าง 0.740-0.936 และความสำเร็จในการทำงานอยู่ระหว่าง 0.717-0.963 และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติพื้นฐาน ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ประกอบด้วย การวิเคราะห์สหพันธ์แบบพหุคูณ และการวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) นักบัญชีในสำนักงานบัญชีคุณภาพในประเทศไทย มีความคิดเห็นเกี่ยวกับทักษะวิชาชีพบัญชีในยุคดิจิทัลโดยรวมอยู่ในระดับมาก <br>การปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชีโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และความสำเร็จในการทำงานโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2) ทักษะวิชาชีพบัญชีในยุคดิจิทัล ด้านทัศนคติ และด้านการคิดวิเคราะห์และการแก้ไขปัญหา มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับการปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชีโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) ทักษะวิชาชีพบัญชีในยุคดิจิทัล ด้านทัศนคติ และด้านการคิดวิเคราะห์และการแก้ไขปัญหา มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงลบกับความสำเร็จในการทำงานโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 4) การปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี ด้านความซื่อสัตย์สุจริต มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงลบกับความสำเร็จในการทำงานโดยรวม และการปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี ด้านพฤติกรรมทางวิชาชีพ และด้านความโปร่งใส มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับความสำเร็จในการทำงานโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> Pakamat Butsalee Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-27 2024-04-27 16 1 1 26 A Study of the Singing Techniques of Tujia Gaoqiang Folk Songs in Guizhou Province, China https://so02.tci-thaijo.org/index.php/bruj/article/view/269236 <p>บทความวิจัยนี้เป็นการศึกษาเทคนิคการร้องเพลงพื้นบ้าน Tujia Gaoqiang ในจังหวัดกุ้ยโจว ประเทศจีน การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเทคนิคการร้องเพลงพื้นบ้าน Tujia Gaoqiang ในมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์และแบบสังเกต ผู้ให้ข้อมูลหลักของการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ศาสตราจารย์ 4 คนที่มีประสบการณ์สอนเพลงพื้นบ้าน Tujia Gaoqiang ในมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน ผลการวิจัยพบว่า 1. True Voice โดยทั่วไปแล้วคนพูดด้วยเสียงจริง ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกเสียงมักจะร้องเพลงด้วยเสียงจริง 2. Mix Tones: เพื่อให้ได้เสียงแหลมสูงและสดใส 3. เสียงผู้หญิงผสม: ภายในช่วงของเสียงโซปราโนทั่วไป สามารถเลื่อนขึ้นลงได้อย่างอิสระ โดยแยกเสียงจริงและเสียงเท็จไม่ออก 4. การสั่นเฉพาะที่ของสายเสียงผสมที่มีสัดส่วนเสียงเท็จสูง: เป็นเสียงที่ศีรษะบ่อยครั้ง ช่องปากตามธรรมชาติ ไม่มีเสียงสะท้อนต่ำ (หน้าอก) และการใช้อากาศต่ำ 5. การปรับเสียงสะท้อนตามธรรมชาติ: จากการจำแนกวิธีการร้องเพลง จะเห็นได้ว่า เสียงสะท้อนของเพลงภูเขาที่มีระดับเสียงสูงของกลุ่มชาติพันธุ์ Guizhou Tujia ไม่เพียงมีอยู่จริงเท่านั้น , 6. ผ่อนคลายหน้าอกและเปิดหน้าอกอย่างเป็นธรรมชาติในบริเวณเสียงต่ำ: ร้องเพลงด้วยการสั่นเล็กน้อยโดยไม่เน้นการขยายระดับเสียง เมื่อช่วงเวลาเพิ่มขึ้นหรือลดลง เสียงสะท้อนจะถูกปรับทันทีตามทิศทางของเสียง และ 7. วิธีการหายใจ: โดยทั่วไปมีวิธีการหายใจสองประเภท</p> Akachai Teerapuksiri Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-30 2024-06-30 16 1 29 42 The The Effects of Seven Types of Thinking on Perceived Difficulty in Academic Writing at the Prewriting Stage of Undergraduate EFL Students and the Use of NITF to Solve the Problems https://so02.tci-thaijo.org/index.php/bruj/article/view/270227 <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาผลกระทบของการคิด 7 แบบต่อการรับรู้เรื่องความยากในการเขียนเชิงวิชาการของนักศึกษาระดับปริญญาตรีในขั้นเตรียมการเขียน 2) เพื่อค้นหาอันดับของผลกระทบ 3) เพื่อสำรวจความสัมพันธ์ของการคิดทั้ง 7 แบบ 4) เพื่อสร้างชุดนวัตกรรมการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนแก้ปัญหาได้ และ 5) เพื่อประเมินประสิทธิผลในด้านต่างๆ ของนวัตกรรม การศึกษามี 2 ระยะโดยการสุ่มเลือกนักศึกษาระดับปริญญาตรีอย่างง่ายจำนวน 350 และ 47 คนจากประชากรขนาดไม่มีกำหนดชัดเจน และ 57 คน เพื่อตอบแบบสอบถามหลายชุด แบบทดสอบก่อน และหลังเรียน นำผลการวิจัยในระยะแรกมาสร้างบทเรียน 12 บทชื่อ NITF เพื่อให้นักเรียนใช้ผ่าน Google Classroom เป็นเวลา 45 ชั่วโมง เพื่อแก้ปัญหาในการเขียนเชิงวิชาการในขั้นเตรียมการเขียน&nbsp; ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ SEM (การสร้างแบบจำลองสมการโครงสร้าง) Paired-Sample t-tests, One-Same t-tests และ และการหาความสัมพันธ์อย่างง่าย ผลการวิจัยพบว่า 1) การคิด 4 ใน 7 แบบมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการรับรู้ความยากในการเขียนเชิงวิชาการของนักศึกษาที่ p = 0.05&nbsp; 2) อันดับการคิด 4 แบบ ได้แก่ การคิดเชิงวิพากษ์ นามธรรม สร้างสรรค์ และการคิดแบบบรรจบกัน และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างการคิดทั้ง 7 แบบมีสูงมาก และมีนัยสำคัญที่ p = 0.05 นอกจากนี้ 4) ความตรงเชิงเนื้อหาของ NITF อยู่ที่ 0.875 ซึ่งบ่งชี้ถึงระดับที่มีนัยสำคัญ และ 5) ขนาดของผล (Effect Size) ใหญ่มาก (d = 1.625) และโดยเฉลี่ยแล้ว นักศึกษามีความพึงพอใจอย่างมากกับนวัตกรรมเพื่อการเรียนการสอน</p> Suphat Sukamolson Saovanit Osuwanna Suwaree Yodchim Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-30 2024-06-30 16 1 43 66 การใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานเพื่อเพิ่มความรู้ด้านคำศัพท์สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาชาวไทย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/bruj/article/view/270873 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานเพื่อเพิ่มความรู้ด้านคำศัพท์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาชาวไทย และศึกษาทัศนคติของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้คำศัพท์ผ่านการจัดการเรียนการสอนรูปโดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโนนจันทึกห้วยแกวิทยา อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน 2) แบบทดสอบคำศัพท์ก่อนเรียนและหลักเรียน 3) แบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการเรียนคำศัพท์โดยวิธีการสอนแบบใช้กิจกรรมเป็นฐาน 4) แบบสัมภาษณ์ และ 5) แบบฝึกหัดคำศัพท์ ผลการวิจัยพบว่า หลังจากเรียนคำศัพท์ผ่านกิจกรรม ผู้เรียนมีผลการทดสอบเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลจากแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์แสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน และสามารถพัฒนาความรู้ด้านคำศัพท์ได้ทั้ง 3 รูปแบบการเรียนรู้ ได้แก่ รูปแบบคำศัพท์ ความหมาย และการนำไปใช้</p> Pornruethai Kertthong Chongrak Liangpanit Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-30 2024-06-30 16 1 67 78