ภูมิศิลป์เพลงพื้นบ้านภาคกลาง
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภูมิศิลป์เพลงพื้นบ้านภาคกลาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ เรื่อง การสร้างสรรค์เพลงไทยร่วมสมัยจากภูมิศิลป์เพลงพื้นบ้านภาคกลาง ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาเพลงพื้นบ้านของภาคกลาง ผลการวิจัย พบว่า เพลงพื้นบ้านภาคกลางเป็นการละเล่นของชาวบ้านที่มีการสืบทอดต่อ ๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่นในแบบมุขปาฐะ เป็นเพลงปฏิพากย์หรือเพลงที่ใช้ร้องโต้ตอบเกี้ยวพาราสีกันของหนุ่มสาวในหมู่บ้านหรือชุมชน ภาษาที่ใช้เรียบง่ายเป็นแบบชาวบ้าน คำประพันธ์เป็นกลอนหัวเดียวเพื่อสะดวกต่อการร้องและการด้น นิยมร้องเป็นกลุ่มหรือเป็นวง มีผู้ร้องเป็นต้นเสียงทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเรียกว่า “พ่อเพลงแม่เพลง” ส่วนคนอื่น ๆ จะร้องรับสอดแทรกทำนองเรียกว่า “ลูกคู่” การแต่งกายจะแต่งตามแบบพื้นบ้านของท้องถิ่นนั้น ๆ สมัยก่อนใช้การตบมือของผู้แสดงเป็นหลัก ต่อมาในยุคแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ได้มีการนำเครื่องดนตรี ที่มีอยู่ตามพื้นบ้าน ได้แก่ ตะโพน ฉิ่ง กรับ เข้ามาประกอบพร้อมทั้งนำหน้าทับสองไม้ หน้าทับปรบไก่ เข้ามาเพื่อกำกับจังหวะของการร้องด้วย เป็นการเพิ่มอรรถรส เกิดความครึกครื้นสนุกสนาน และทันยุคทันสมัยยิ่งขึ้น
คำสำคัญ
ภูมิศิลป์ เพลงพื้นบ้าน ภาคกลาง
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำเว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
- เนื้อหาต้นฉบับที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาด อันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์
References
จี ศรีนิวาสัน. (2534). สุนทรียศาสตร์ ปัญหาและทฤษฎีว่าด้วยความงามและศิลปะ. พิมพ์ครั้งที่ กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย.
จัตุชัย จําปาหอม.(2552) การจัดการความรู้ภูมิปัญญาไทยด้านไม้มวยไทยโบราณ. วิทยานิพนธ์
ศิลปศาสตรดุษฎี บัณฑิต สาขามวยไทย วิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผน
ไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึง,
ณรงค์ชัย ปิฎกรัชต์. (2562). ทฤษฎีการสร้างสรรค์ศิลป์. เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชา ระเบียบวิธีวิจัย และการสร้างสรรค์ทางดุริยางคศิลป์ รหัสวิชา 434-401 ระดับดุษฎีบัณฑิต หลักสูตรศิลปดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาดุริยางคศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์.
ดวงเดือน สดแสงจันทร์. (2544). การศึกษาเพลงพื้นบ้านคณะขวัญจิต ศรีประจันต์. ปริญญานิพนธ์
ศิลปกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรี
นครินทรวิโรฒ.
นริศรา ศรีสุพล. (2558). การสร้างสรรค์นาฏศิลป์ พื้นเมืองจากวรรณกรรมเรื่องอุสาบารสในบริบท
วัฒนธรรม. วารสารสถาบันวัฒนธรรมและศิลปะ. ปีที่ 17. (ฉบับที่ 1 กรกฎาคม-ธันวาคม) : 76-83
เพชรดา เทียมพยุหา มานพ วิสุทธิแพทย์ และกาญจนา อินทรสุนานนท์. (2557). “การศึกษาดนตรีร่วมสมัย : กรณีศึกษาวงกำไล.” วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 6(1), 73-76.
พูนพิศ อมาตยกุล, บรรณาธิการ. (2552). เพลง ดนตรี และนาฏศิลป์ จากสาส์นสมเด็จ .นครปฐม : วิทยาลัย ดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
________. (2552). เพลงดนตรี : จากสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ ถึงพระยาอนุมานราชธน. นครปฐม : วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
พงษ์สิทธิ จักรสมิทธานนท์. (2533). การออกแบบเพื่อความกลมกลืนในวงปี่พาทย์ร่วมสมัย. วิทยานิพนธ์ศิลป บัณฑิต ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปกร
ภวัฐ คำภาพันธ์. (2561). การจัดการองค์ความรู้เพื่อการสงวนรักษาเพลงพื้นบ้าน : กรณีศึกษานางจำรัส อยู่สุข. วิทยานิพนธ์ ศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารงานวัฒนธรรม : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2552). การจัดสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระการเรียนรู้ ดนตรีและนาฏศิลป์. กรุงเทพมหานคร : โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา.
รัชกฤช คงพินิจบวร.กิจกรรมดนตรีไทยร่วมสมัย : แนวทางการสอนดนตรีศึกษาในโรงเรียน สำหรับศตวรรษ ที่ 21 ว า ร ส า ร ด น ต รี บ้ า น ส ม เ ด็ จ
สุรพล สุวรรณ. (2549). ดนตรีไทยในวัฒนธรรมไทย. กรุงเทพฯ: บริษัท แอคทีฟพริ้ท์ จำกัด.
Nik Preston. (2017). 21 st Century Music Education. [Online]. Available from : https : / /nafme.org/21st-century-music-education/ [14 February 2019].