การพัฒนาตัวชี้วัดคุณภาพสถานศึกษาด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน : ประยุกต์ใช้การปรับเทียบด้วยวิธีเชิงเส้นตรงและการวิเคราะห์มูลค่าเพิ่ม

Main Article Content

ภาณุพงศ์ แสงดี
จตุภูมิ เขตจัตุรัส
ประกฤติยา ทักษิโณ

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้เพื่อพัฒนาตัวชี้วัดคุณภาพสถานศึกษาด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้การปรับเทียบด้วยวิธีเชิงเส้นตรง (Linear Equating Method) และการวิเคราะห์มูลค่าเพิ่ม ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นข้อมูลทุติยภูมิจากโรงเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) และข้อมูลผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2560 จากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กลุ่มตัวอย่างจำนวน 226 โรงเรียน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย (GPAX) และแบบบันทึกคะแนนการทดสอบทางการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับชาติวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS19 และ HLM version 7.03


ผลการวิจัยพบว่า 1) ค่าเฉลี่ยของผลการเรียนสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายที่ขจัดอิทธิพลของขนาดโรงเรียน (LGPA) แต่ละขนาดไม่มีความแตกต่างกันและผลการเรียนสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหลังการปรับเทียบด้วยวิธีเชิงเส้นตรง (EqGPAX) มีค่าสูงสุดเท่ากับ 3.757 ค่าต่ำสุดเท่ากับ 0.340 ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.440 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.455 การแจกแจงของผลการเรียนสะสมหลังการปรับเทียบ (EqGPAX) มีการแจกแจงแบบปกติ (Normal Curve) 2) คะแนนมูลค่าเพิ่มทางการศึกษาของสถานศึกษามีค่าสูงสุดเท่ากับ 0.261 และคะแนนต่ำสุดเท่ากับ -0.261 โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.000 และคะแนนคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (SE) เท่ากับ 0.005 การแจกแจงของคะแนนมูลค่าเพิ่มมีการแจกแจงแบบปกติ (Normal Curve) 3) การจัดกลุ่มคุณภาพสถานศึกษาจากคะแนนมูลค่าเพิ่มตามเกณฑ์การตัดสินการจัดกลุ่มคุณภาพคะแนนมูลค่าเพิ่ม (value added scores rating; VAS rating) พบว่าระดับคุณภาพของคะแนนมูลค่าเพิ่มส่วนใหญ่อยู่ระดับคุณภาพ B (ดี) มากที่สุด 91 โรงเรียน รองลงมา คือ ระดับปานกลาง, ระดับดีมาก และระดับปรับปรุง (73, 32 และ 30 โรงเรียน) ตามลำดับ

Article Details

บท
บทความวิจัย