การพัฒนามาตรวัดการเอาใจเขามาใส่ใจเราทางดิจิทัลเพื่อการวัดและประเมินผู้เรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในศตวรรษที่ 21: การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ (1) ศึกษาและสังเคราะห์รูปแบบและลักษณะเฉพาะของมาตรวัดการเอาใจเขามาใส่ใจเราทางดิจิทัลฯ (2) ประเมินความต้องการจำเป็นของรูปแบบและลักษณะเฉพาะของมาตรวัดการเอาใจเขามาใส่ใจเราทางดิจิทัลฯ และ (3) ศึกษาคุณสมบัติทางจิตมิติของมาตรวัดการเอาใจเขามาใส่ใจเราทางดิจิทัลฯ โดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ การวิจัยจำแนกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การศึกษาและสังเคราะห์รูปแบบและลักษณะเฉพาะของมาตรวัดฯ เก็บข้อมูลจากการสังเคราะห์เอกสารและการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 คน และวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ระยะที่ 2 การประเมินความต้องการจำเป็นของรูปแบบและลักษณะเฉพาะของมาตรวัดฯ กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยครู จำนวน 143 คน และผู้เรียน จำนวน 755 คน รวม 898 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบประเมินความต้องการจำเป็นและวิเคราะห์และจัดลำดับความต้องการจำเป็นโดยใช้ Priority Needs Index (PNI) แบบปรับปรุง และระยะที่ 3 การศึกษาคุณสมบัติทางจิตมิติของมาตรวัดฯ กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้เรียน จำนวน 755 คน เก็บข้อมูลโดยใช้มาตรวัดการเอาใจเขามาใส่ใจเราทางดิจิทัลและวิเคราะห์คุณสมบัติทางจิตมิติภายใต้การประยุกต์ใช้ Grade Response Model (GRM) ได้แก่ (1) ค่าความตรงเชิงเนื้อหา (2) ค่าความเที่ยง (3) ค่าสารสนเทศของข้อสอบ (4) ค่าสารสนเทศของแบบสอบ (5) ค่าความชันร่วมของข้อคำถาม และ (6) ค่าเทรชโฮลด์ โดยใช้โปรแกรม MULTILOG 7.03
ผลการวิจัยพบว่า
1) องค์ประกอบของการเอาใจเขามาใส่ใจเราทางดิจิทัล ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ การโพสท์ การแบ่งปัน การแสดงความคิดเห็น การแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบ และ การช่วยเหลือด้านอื่น ๆ อีกทั้งรูปแบบและลักษณะเฉพาะของมาตรวัดส่วนใหญ่เป็นแบบเลือกตอบที่มีการตรวจให้คะแนนหลายค่า
2) ความต้องการจำเป็นของรูปแบบและลักษณะเฉพาะของมาตรวัดพบว่า (1) มาตรวัดแบบมาตรประมาณค่ามีความต้องการจำเป็นอยู่ในอันดับ 1 (PNImodified = 0.154) (2) มาตรวัดควรมีความยาวจำนวนไม่เกิน 20 ข้อ มีความต้องการจำเป็นอยู่ในอันดับ 1 (PNImodified = 0.150) และ (3) มาตรวัดแบบออนไลน์มีความต้องการจำเป็นอยู่ในอันดับ 1 (PNImodified = 0.144)
3) คุณสมบัติทางจิตมิติของมาตรวัดการเอาใจเขามาใส่ใจเรา จำนวน 20 รายการคำถามในภาพรวม มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ โดยมีผลการวิเคราะห์ความตรงเชิงเนื้อหาจากค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างวัตถุประสงค์กับข้อคำถาม (IOC) มีค่าอยู่ระหว่าง 0.67-1.00 ความเที่ยงทั้งฉบับ 0.922 ค่าสารสนเทศของข้อสอบมีค่าระหว่าง 0.196 ถึง 15.097 ณ ความสามารถ (θ) ตั้งแต่ -2.20 ถึง 1.40 ค่าสารสนเทศของแบบสอบ 76.384 ณ ความสามารถ (θ) -0.40 ค่าความชันร่วมของข้อคำถาม มีค่าระหว่าง 0.87 ถึง 7.72 และค่าเทรชโฮลด์ β1(SE) มีค่าระหว่าง -3.37 ถึง -0.77 และ β2(SE) มีค่าระหว่าง -0.41 ถึง 1.63
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
Ali, U.S., & Rijn, P.W. (2016). An evaluation of different statistical target for assembling parallel form in item response theory. Applied psychological measurement, 40(3), 163-179.
Amin, H., Malik, M.A., & Akkaya, B. (2021). Development and Validation of Digital Literacy Scale (DLS) and its Implication for Higher Education. International Journal of Distance Education and E- Learning (IJDEEL), 7(1), 24-43.
Aubry, A., & Bourdin, B. (2018). Short Forms of Wechsler Scales Assessing the Intellectually Gifted Children Using Simulation Data. Fronters in Psychology, 9, 1-12.
Butler-Henderson, B., & Crawford, J. (2020). A systematic review of online examinations: A pedagogical innovation for scalable authentication and integrity. Computers & Education, 159, 1-12.
Kamalludeen, R.M. (2020). Transitioning to the new normal in education. https:// www.thestar.com.
Taylor, J.E., & Deane, F.P. (2002). Development of a Short Form of the Test Anxiety Inventory. The Journal of General Psychology, 129(2), 127-136.
Buathong, S. (2017). Measurement and Assessment of Learning Skills in the 21st Century. Veridian E-Journal, Silpakorn University, 10(2), 1856-1867. (in Thai)
Intanon, S. (2019). Guidelines for Building Digital Empathy Skills for Children. https://web.facebook.com/thaiciviceducationcenter/posts/2470466963029640/ (in Thai)
Kaemkate, W. (2008). Research Methodology in Behavioral Sciences (2nd ed.). Chulalongkorn University Press. (in Thai)
Kantivong, A. (2017). Comparison of Item and Test Parallel Index Between Test Forms that Selected by Different Characteristics of Experts: Application of Formal Cultural Consensus Theory [Master’s thesis]. Chulalongkorn University. (in Thai)
Karnjanawasee, S. (2009). Classical Test Theory (6th ed.). Chulalongkorn University Press. (in Thai)
Karnjanawasee, S. (2012). Modern Test Theory (4th ed.). Chulalongkorn University Press. (in Thai)
Kittimongkolchai, S. (2019). Development of happiness learning scales of lower secondary school students in Bangkok metropolis [Master’s thesis]. Chulalongkorn University. (in Thai)
Office of Knowledge Management and Development. (2022). 8 Digital Citizenship Skills. https://www.okmd.or.th/okmd-kratooktomkit/4673/ (In Thai)
Panich, V. (2012). Ways to create learning for students in the 21st Century. Tathata Publication Company Limited. (In Thai)
Panpinit, S. (2011). Research techniques in social science. Witthayapat Company Limited. (In Thai)
Sabsombat, W. (2020). The situation during COVID-19, how should measurement and evaluation be done in the classroom?. https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=882532388839994&id=100012497235631 (In Thai)
Secondary Education Service Area. (2015). Approaches for organizing learning skills in the 21st century that emphasize professional competency. https://secondary.obec.go.th/newweb/wp-content/uploads /2017/12/E-CEN21book.pdf (In Thai)
Sittisaman, S. (2020). Studying in the New Normal style and changing the way of evaluating. https://mgronline.com/qol/detail/9630000067379 (In Thai)
Thai Media Fund. (2021). Digital Empathy. https://www.thaimediafund.or.th/ (In Thai)
Wongwanich, S. (1999). A Synthesis of Techniques Used to Assess the Needs in the Thesis of Students in the Faculty of Education, Chulalongkorn University. Department of Educational Research and Psychology, Faculty of Education, Chulalongkorn University. (In Thai)
