รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยประยุกต์ใช้การเสริมพลัง สำหรับอาจารย์ สังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานโดยประยุกต์ใช้การเสริมพลังสำหรับอาจารย์ สังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัญหาสภาพและความต้องการการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานของอาจารย์ เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยประยุกต์ใช้การเสริมพลัง เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน และเพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยประยุกต์ใช้การเสริมพลัง มี 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาปัญหา สภาพและความต้องการในการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน มีกลุ่มตัวอย่างเป็นอาจารย์ผู้สอน 70 คน ได้มาจากการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิสัมภาษณ์อาจารย์ 15 คน และผู้ให้ข้อมูล 4 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ชนิดไม่มีโครงสร้าง ขั้นตอนที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน มีผู้เชี่ยวชาญวิพากษ์รูปแบบ 8 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน และ ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ อาจารย์ 24 คน ได้มาจากการสุ่มตามระดับชั้นชนิดไม่เป็นสัดส่วน ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ นักศึกษาที่เรียนกับอาจารย์จากกลุ่มตัวอย่าง 528 คน โดยอาจารย์ผู้สอนทำการสุ่มแบบกลุ่มเพื่อใช้ทดลองสอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจัด การเรียนรู้แบบผสมผสาน และแบบประเมินประสิทธิผล และขั้นตอนที่ 4 การประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ อาจารย์ผู้สอนวิชาศึกษาทั่วไป 30 คน ได้มาจากการสุ่มตามระดับชั้นชนิด ไม่เป็นสัดส่วน โดยใช้คณะเป็นชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยประยุกต์ใช้การเสริมพลัง สำหรับอาจารย์ สังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และแบบประเมินความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมและความถูกต้อง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สถิติทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์เนื้อหา การสรุปอุปนัย และใช้ฉันทามติ
ผลการวิจัยพบว่า
1. อาจารย์ขาดความรู้ ความเข้าใจในการออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน และสถานการณ์ โควิด 19 ทำให้เกิดอุปสรรคในการสอน สภาพการปฏิบัติงานการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน มีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ความต้องการการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน มีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความต้องการการจัดการเรียนรู้กับเกณฑ์ร้อยละ 70 พบว่า ทั้งโดยรวมและรายด้าน มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน มีการประเมินประสิทธิผลโดยรวม อยู่ในระดับมาก มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลประเมินผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษา สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ70 มีจำนวน 426 คน คิดเป็นร้อยละ 80.68 อาจารย์และนักศึกษามีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบ สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
Driscoll, M. (2002). Blended learning: Let's get beyond the hype. LTI Newsline: Learning & Training Innovation. http://elearningmag.com/ltimagazine/article/articleDetail.jsp?id=11755.
Fetterman, D. M. (1997). “Empowerment Evaluation and Accreditation in Higher Education” in Evaluation for the 21st. Century: A Handbook. Editors by Chelimsky. E and Shadish. W. R. Sage Publication, 981-395.
Gibson. (1993). A study of empowerment in mother of chronically in children (p.113), Boston college. 23.
Chantem, S., (2010). Development of a blended teaching and learning model: An introductory computer course for undergraduate students, [Doctoral thesis]. King Mongkut's University of Technology North Bangkok. (in Thai)
Paichamnan. A. et al. (2013). Development of a blended teaching and learning model in educational technology and innovation: courses for graduate certificate student’s teacher profession Yala Islamic University [Master’s thesis]. Prince of Songkla University. (in Thai)
Pensirinapa. N. (2002). Handbook of Empowerment Training in Health Promotion. n.p. (in Thai)
Rakbumrung. T. (2012). Blended-learning. Journal of Education, Maha Sarakham Rajabhat University, 1(16), 31-40. (in Thai)
Ruangrong, P. et al. (2014). Technology Education with Thai Teachers in the 21st Century. Panyapiwat Journal, 5(May), 195-205. (in Thai)
Wanpirun. P. (2011). Blended learning from theory to practice. Journal of Vocational and Technical Education. Vocational Technology Research Center Science and Technology. Research Office King Mongkut's University of Technology North Bangkok. (in Thai)