การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการโค้ชตามแนวคิดจิตตปัญญาศึกษาเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการวิจัยในชั้นเรียนของนักศึกษาวิชาชีพครู
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการโค้ชตามแนวคิดจิตตปัญญาศึกษาในการเสริมสร้างสมรรถนะด้านการวิจัยในชั้นเรียนของนักศึกษาวิชาชีพครู และ 2) เพื่อทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบ ดำเนินการ 4 ระยะ ได้แก่ ระยะ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ ด้านการวิจัยในชั้นเรียนของนักศึกษาวิชาชีพครู กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ที่เคยเรียนรายวิชาวิจัยมาแล้ว จำนวน 192 คน จาก 7 สาขา ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย ระยะ 2 พัฒนารูปแบบ โดยนำผลการศึกษาระยะที่ 1 มาเป็นฐาน ระยะ 3 ทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาสาขาการศึกษาปฐมวัย 62 คน ที่ลงทะเบียนรายวิชาการวิจัยในชั้นเรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ได้มาด้วยการสุ่มสองขั้นตอน โดยขั้นตอนแรกเลือกจำเพาะเจาะจงนักศึกษาวิชาเอกการศึกษาปฐมวัย หลังจากนั้นสุ่มตัวอย่างเพื่อเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมด้วยวิธีสุ่มอย่างง่ายโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม และ ระยะ 4 ปรับปรุงและพัฒนารูปแบบ เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการ แบบสอบถามวัดสมรรถนะ แบบสอบถามความพึงพอใจ แบบประเมินความเหมาะสม สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที (t-test for dependent และ t-test for independent)
ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีองค์ประกอบ 3 ตอน คือ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของรูปแบบ ประกอบด้วย หลักการและเหตุผล จุดประสงค์ แนวคิดและทฤษฎีพื้นฐาน กลุ่มเป้าหมาย สาระการเรียนรู้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม ระยะเวลา ตอนที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6 หน่วย ได้แก่ การกำหนดปัญหาวิจัย การสร้างสรรค์นวัตกรรม การพัฒนาเครื่องมือวิจัย การใช้นวัตกรรม การวิเคราะห์ผลการวิจัย และการเขียนรายงานการวิจัย แต่ละหน่วยจัดกิจกรรม 5 ขั้น ได้แก่ ขั้นสร้างตระหนักรู้ (L) ขั้นสืบค้น (I) ขั้นชวนคิดสู่การปฏิบัติ (E) ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (S) และขั้นปรุงแต่ง (M) และตอนที่ 3 การนำรูปแบบสู่การปฏิบัติ โดยรวมรูปแบบนี้มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และเรียกรูปแบบนี้ว่า “ลีซึมโมเดล” (LIESM MODEL) 2) นักศึกษาวิชาชีพครูที่ใช้รูปแบบนี้มีสมรรถนะด้านการวิจัยในชั้นเรียนหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) นักศึกษาวิชาชีพครูที่ใช้รูปแบบนี้มีสมรรถนะด้านการวิจัยในชั้นเรียนหลังการทดลองสูงกว่านักศึกษาวิชาชีพครูที่ใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 4) นักศึกษาวิชาชีพครูมีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบนี้โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
Bailey, K. M. (2003). Speaking. In Nunan D. (Ed). Practical English Language Teaching. (pp. 47-66). McGraw-Hill Contemporary.
Joyce, B., & Weil, M. (1986). Models of Teacher (3rd ed.). Prentice Hall.
Larson, B. E., & Keiper, T.A. (2007). Instructional Middle and High school. Routlecge.
Santrock, J. W. (2008). Educational Psychology (3rd ed.). McGraw-Hill Companies Inc.
Stryker, S., & Serpe, R. T. (1994). Identity Salience and Psychological Centrality: Equivalent, Overlapping, Or Complementary Concepts?. Social Psychology Quarterly, 57(1), 16-35.
Ariya, K., Kaewurai, W., & Chaisanit, P. (2016). A Development of an Instructional Model Based-on Differentiated Instruction Approach to Enhance the Ability of Learning Management Design of 21st Century for Student Teachers, Rajabhat University. Lampang Rajabhat University Journal, 5(2), 1-17. (In Thai)
Chawianghong, B., Taobou, S., & Ekwarangkoon, P. (2015). A Development of Experience Model to Enhance the Competency in Classroom Action Research for Teacher Students in Rajabhat Universities. Journal of Graduate Studies in Northern Rajabhat Universities, 5(9), 41-56. (In Thai)
chinprahut, N. (2010). Development and Experimentation of a Classroom Action Research Program to Promote the Reflective Thinking of Student Teachers During Professional Teaching Practices: A Multiple Case Study Experiment. Journal of Education Studies, 39(2), 85-103. (In Thai)
Denkajornkiat, W. (2003). Factors Affecting the Satisfaction of conducting classroom Action Research of Elementary School Teachers Under the Office of Bangkok Primary Education [Master’ thesis]. Chulalongkorn University. (In Thai)
Fongsri, P. (2011). Classroom Research: Principles and Techniques (9th ed.). DarnSutha Press Company Limited. (In Thai)
Intun, S. (2018). Effect of Coaching on Knowledge and Abilities of Classroom Research Practices Among the Pre-service Elementary Student Teachers. Journal of Education Naresuan University, 20(3), 169-209. (In Thai)
Malasai, W. (2019). The development of teaching and learning models for enhancing mathematical problem-solving abilities of Mathayomsuksa 6 students at Sawang Daen Din School. Office of the Basic Education Commission. (In Thai)
Nilchaikowit, T. (2008). Learning for change and Contemplative education. In Center for Contemplative Education (Eds.), Contemplative Education: Education for Human Development (pp.3-32). Center for Contemplative Education Mahidol University. (In Thai)
Office of the National Education Commission. (2002). National Education Act, B.E. 2542. Prigwhan Graphic Company Limited. (In Thai)
Pechrpuang, S. (2018). Model of Educational Administration Research Competency Development of Graduate Students Suratthani Rajabhat University. Suratthani Rajabhat Journal, 5(2),169-196. (In Thai)
Phanich, V. (2019). Class research turns teachers. Siam Commercial Foundation. (In Thai)
Phunlapthawee, K., & Sangprateeptong, V. (2002). Classroom research, school teacher, school project Learning reform to improve the quality of learners. Office of the National Education Commission. (In Thai)
Piyasant, S. (1996). Factors Related to Research of Primary Education Teachers under the Office of Primary Education Chiang Mai Province [Master's thesis]. Chiang Mai University. (In Thai)
Polyiem, P. (2020). Developing a Web-Based Collaborative Learning Model for Computer Courses. Journal of Education Mahasarakham University, 14(3), 106-123. (In Thai)
Prasertsan, S. (2012). Research base project, new learning process in Thai education. The Thailand Research Fund (TRF). (In Thai)
Rattanaubol, A. (2007). Learning and adult development. Publisher of Chulalongkorn University. (In Thai)
Roning, F. (2017). Effects of the Contemplative Learning Approach on Learning Achievement and Learning Satisfaction in Thai Subject of Grade Seventh Students [Master’ thesis]. Prince of Songkla University. (In Thai)
Sitthiamorn, S. (2016). The Development of Competency Research and Development through Empowerment and Self-Efficiency for Teacher at Secondary Schools. Journal of Education Research Faculty of Education, Srinakharinwirot University, 10(2), 174-185. (In Thai)
Srichumnong, J. (2017). The Development of a Classroom Research Competency Building Model for Students in Faculty of Education, Loei Rajabhat University. STOU Education Journal, 10(1), 126-144. (In Thai)
Toonthong, S., Thongpraae, W., Chuanchan, W., Thapphum, N., & Khampan, P. (2015). Research and Development on Teacher Development Process by Using Teacher Coaching to Enhance 21st Century Skills for Students in Lop Buri Province. Thepsatri Rajabhat University. (In Thai)
