การพัฒนามาตรวัดพฤติกรรมความปลอดภัยของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างมาตรวัดพฤติกรรมความปลอดภัยของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 2) หาคุณภาพของมาตรวัดพฤติกรรมความปลอดภัยของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 3) ประเมินพฤติกรรมความปลอดภัยของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จำนวน 1,440 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นมาตรวัดพฤติกรรมความปลอดภัยของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มีลักษณะเป็นแบบหลายตัวเลือกที่ลักษณะลดหลั่นกันตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ประมาณค่าพารามิเตอร์ความชันร่วม และพารามิเตอร์ threshold ตามทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบของมาตรวัดพฤติกรรมความปลอดภัย พัฒนาคะแนนจุดตัดโดยใช้วิธีการกำหนดเกณฑ์พื้นที่ (criterion zone) ผลการวิจัยพบว่า 1) มาตรวัดพฤติกรรมความปลอดภัยของนักเรียนที่สร้างขึ้น เป็นมาตรวัดชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก ตรวจให้คะแนนหลายค่า ประกอบด้วย 3 มิติ ได้แก่ มิติความรู้ มิติทักษะ และมิติจิตพิสัย แต่ละมิติมีจำนวน 16 ข้อ ตามแผนที่โครงสร้าง มีค่าดัชนีความสอดคล้อง ตั้งแต่ 0.57 ถึง 1.00 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.21 ถึง 0.69 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82, 0.75 และ 0.72 ตามลำดับ 2) มาตรวัดพฤติกรรม ความปลอดภัยของนักเรียนที่สร้างขึ้นมีคุณภาพตามทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ จำนวน 35 ข้อ มิติความรู้ มีค่าพารามิเตอร์ความชันร่วม จำนวน 12 ข้อ ตั้งแต่ 0.50 ถึง 0.73 มิติทักษะมีค่าพารามิเตอร์ความชันร่วม จำนวน 11 ข้อ ตั้งแต่ 0.53 ถึง 0.75 มิติจิตพิสัยมีค่าพารามิเตอร์ความชันร่วม จำนวน 12 ข้อ ตั้งแต่ 0.50 ถึง 1.02 ไม่พบการทำหน้าที่ต่างกันของข้อคำถาม (DIF) ระหว่างเพศชายและเพศหญิง จุดตัดของคะแนนพฤติกรรมความปลอดภัยโดยใช้วิธีการกำหนดเกณฑ์พื้นที่ แบ่งระดับพฤติกรรมความปลอดภัยของนักเรียนได้เป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับ 1 ช่วงระดับความสามารถ () =-1.47 ลงมา ระดับที่ 2 ช่วงระดับความสามารถ (
) -1.47 ถึง 0.78 และระดับที่ 3 ช่วงระดับความสามารถ (
) 0.78 ขึ้นไป 3) ผลการประเมินพฤติกรรมความปลอดภัยของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นโดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 70.70 เมื่อพิจารณาจำแนกเป็นรายมิติ พบว่า ในมิติด้านความรู้ นักเรียนส่วนใหญ่ มีพฤติกรรมความปลอดภัยอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 78.82 ในมิติด้านทักษะ มีพฤติกรรมความปลอดภัยอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 67.92 และในมิติด้านจิตพิสัย มีพฤติกรรมความปลอดภัย อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 76.60
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
พิภพ วชังเงิน. (2547). พฤติกรรมองค์การ. กรุงเทพฯ : รวมสาส์น.
ศรัญญา บุญประกอบ. (2549). การศึกษาการจัดบริการความปลอดภัยในโรงเรียนอนุบาลเอกชน เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กรุงเทพฯ.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2555). ทฤษฎีการทดสอบแนวใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2556). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เอมอัชฌา วัฒนบุรานนท์. (2548). ความปลอดภัย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.
Crowe and James, W. (1995). Safety values and safety practices among college student. Journal of Safety Research, 60, 187-195.
De Melo, R. L. P., Da Silva Júnior, E.G., Souto, R. Q., Leão, I. S., and Do Carmo Eulálio, M. (2018). Psychometric properties of the complete version of the World Health Organization Quality of Life Assessment (WHOQOL-OLD): reduced response scale. Psicologia: Reflexão e Crítica, 31(4), 1-10. DOI: 10.1186/s41155-018-0084-1
Denzin, N. K., & Lincoln, Y. S. (2005). Introduction: The Discipline and Practice of Qualitative Research. In N. K. Denzin and Y. S. Lincoln (Eds.), The Sage handbook of qualitative research (p. 1–32). Sage Publications Ltd.
Morizot, J., Ainsworth, A. T., and Reise, S. (2007). Toward modern psychometrics: Application of item response theory models in Personality Research. In R. W. Robins.
O’Connor, B. P., Crawford, M. R., and Holder, M. D. (2015). An Item Response Theory Analysis of the Subjective Happiness Scale. Social Indicators Research, 124, 249–258.
Reckase, M. D. (1979). Unifactor latent trait models applied to multifactor tests: Results and implications. Journal of Educational Statistics, 4(3), 207-230.
Wilson, M., and Sloane, K. (2000). From principles to practice: An embedded assessment system. Applied Measurement in Education, 13(2), 181-208. Retrieved from http://ww2.valdosta.edu/gec/documents/FromPrinciplestoPractice.pdf