การพัฒนารูปแบบการประเมินความคิดสร้างสรรค์ผ่านการทำโครงงานนวัตกรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการประเมินความคิดสร้างสรรค์ผ่านการทำโครงงานนวัตกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 2) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการประเมินความคิดสร้างสรรค์ผ่านการทำโครงงานนวัตกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น การออกแบบการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบมีกลุ่มควบคุมและมีการทดสอบหลังการทดลอง (posttest-only control group design) กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ทำโครงงานนวัตกรรม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบประเมินรูปแบบการประเมินความคิดสร้างสรรค์ผ่านการทำโครงงานนวัตกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 2) แบบสำรวจตนเองเกี่ยวกับคุณลักษณะเชิงสร้างสรรค์ 3) แบบรายงานตนเองเกี่ยวกับแรงจูงใจในการทำงาน (ขั้นระบุงาน) 4) แบบรายงานตนเองเกี่ยวกับแรงจูงใจในการทำงาน (ขั้นการสร้างการตอบสนอง) 5) แบบรายงานตนเองเกี่ยวกับทักษะที่สอดคล้องกับความคิดสร้างสรรค์ 6) แบบประเมินทักษะที่สอดคล้องกับคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ด้วยเกณฑ์การให้คะแนน (scoring rubrics) 7) แบบประเมินผลงานเชิงสร้างสรรค์
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการประเมินความคิดสร้างสรรค์ผ่านการทำโครงงานนวัตกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ประกอบด้วยการประเมิน 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านคุณลักษณะบุคคล เป็นการประเมินคุณลักษณะ เชิงสร้างสรรค์ที่เป็นภูมิหลังของนักเรียน 2) ด้านกระบวนการ ซึ่งเป็นการประเมินความก้าวหน้า โดยประเมินแรงจูงใจในการทำงาน ทักษะที่สอดคล้องกับความคิดสร้างสรรค์ และทักษะที่สอดคล้องกับคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิศวกรรมและเทคโนโลยี 3) ด้านผลงานซึ่งเป็นการประเมินรวบยอดเป็นการประเมินความคิดสร้างสรรค์ผ่านชิ้นงานนวัตกรรม รูปแบบได้รับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญว่า มีความเหมาะสมระดับมาก (Mean = 4.48, S.D. = 0.05) และมีความเป็นไปได้ระดับมาก (Mean = 4.39, S.D. = 0.08)
2. ผลการทดลองใช้รูปแบบการประเมินความคิดสร้างสรรค์ผ่านการทำโครงงานนวัตกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พบว่า คะแนนที่ได้จากการประเมินชิ้นงานของกลุ่มทดลอง (Mean = 3.31, S.D. = 0.17) และกลุ่มควบคุม (Mean = 2.95, S.D. = 0.30) ไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณามิติย่อยพบว่า กลุ่มทดลอง (Mean = 3.25, S.D. = 0.23) มีคะแนนมิติการคิดริเริ่มสูงกว่า กลุ่มควบคุม (Mean = 2.79, S.D. = 0.20) อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 นอกจากนี้ยังพบว่านักเรียนได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากการประเมินตนเองเกี่ยวกับแรงจูงใจของตนเอง และทักษะที่สอดคล้องกับความคิดสร้างสรรค์ไปปรับปรุงตนเองได้ รวมทั้งครูได้ข้อมูลจากการประเมินด้านกระบวนการไปใช้ในการให้ข้อมูลย้อนกลับแก่นักเรียน
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
จำรัส อินทลาภาพร, มารุต พัฒผล, วิชัย วงษ์ใหญ่, และศรีสมร พุ่มสะอาด. (2558). การศึกษาแนวทางการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาสาหรับผู้เรียนระดับประถมศึกษา. Veridian E – Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ, ปีที่ 8 ฉบับที่ 1, 62-74.
ธิดารันตน์ ธนะขว้าง. (2555). การสร้างแบบวัดความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาการวัด และประเมินผลการศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ภิมณกาญจน์ สิรไชยพัฒน์. (2555). การสร้างแบบวัดความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคราม, มหาสารคาม.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2556). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2557). เอกสารการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็ม.กรุงเทพมหานคร: สถาบัน.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2560). แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564). กรุงเทพมหานคร: สำนักงาน.
สุชาดา ยอดสุรางค์. (2552). การพัฒนาแบบวัดความคิดสร้างสรรค์ทักษะภาษาอังกฤษขอนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 1. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย, เลย.
สุพรรณี ดวงแก้ว. (2555). การพัฒนาแบบวัดความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ (ทัศนศิลป์) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี, อุบลราชธานี.
หงส์สุนีย์ เอื้อรัตนรักษา. (2536). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยการใช้รูปแบบการคิแก้ปัญหาอนาคตตามแนวคิดของทอแรนซ์. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาจิตวิทยา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย .
Amabile, T. M. (1983). The social psychology of creativity. New York: Spinger-Verlag.
Barbot B., Besancon, M. & Lubart, T. I. (2011). Assessing creativity in the classroom. The Open Education Journal, 4(2), 58-66.
Clary, R. M., Brzuszek, R. F., Fulford, C. T. (2011). Measuring creativity: a case study probing rubric effectiveness for evaluation of project-based learning solutions. Creative Education. 2(4), 333-340.
Cropley, D. H. & Cropley, A. J. (2005). Engineering creativity: A systems concept of functional creativity. In J. C. Kaufman & J. Baer (Eds.), Faces of the muse: How people think, work and act creatively in diverse domains (pp. 169-185). Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum.
Cropley, D. H. (2015). Creative in Engineering: Novel solutions to complex problems. San Diego, CA: Academic Press.
Husted, S., Gutierrez, J. V., Corona, N. R., Malo, A. L. & Palou, E. (2014). Multidimensional Assessment of Creativity in an Introduction to Engineering Design Course. in 12st ASEE Annual Conference & Exposition, 15th-18th June, 2014, Indianapolis, IN.
Jeffries, K. K. (2007). Diagnosing the creativity of designers: individual feedback within mass higher education. Design Studies, 28(5), 485-497.
Kearney, S. & Perkine, T. (2010). Developing students’ capacity for innovation, creativity and critical thinking through contemporary forms of assessment: a case study in progress. In ATN Assessment Conference 2010: Assessment: Sustainability, Diversity and Innovation, 18th – 19th November, 2010, Sydney.
Kim, K. H. (2006). Can we trust creativity tests? a review of the torrance tests of creative thinking (TTCT). Creativity Research Journal, 18, 3-14.
Lee, A. W. (2018). Self-perceptions of creativity and performance in adolescents (Master’ s thesis). Retrieved May 19, 2020, from https://www.semanticscholar.org/paper/Self-Perceptions-of-Creativity-and-Creative-in-Lee/f3f199d98071cfc21769a229c3bb0d0400e1fd6c
Runco, M. A. & Acar, S. (2012). Divergent thinking as an indicator of creative potential. Creativity Research Journal, 24, 66-75.
Sarkar, P. & Chakrabarti, A. (2011). Assessing design creativity. Design Studies, 32(4), 348-383.
Sharma, R., Jain, A., Gupta, N., Garg, S., Batta, M. & Dhir, S. (2016). Impact of self-assessment by students on their learning. International Journal of Applied and Basic Medical Research. doi: 6. 226. 10.4103/2229-516X.186961.
Silvia, P. J., Wigert, B., Reiter-Palmon, R. & Kaufman, J. C. (2012). Assessing Creativity With Self-Report Scales : A Review and Empirical Evaluation. Psychology of Aesthetics Creativity and the Arts, 6(1), 19-34.
Storme, M., Myszkowski, N., Celik, P. & Lubart, T. (2014). Learning to judge creativity: The underlying mechanisms in creativitytraining for non-expert judges. Learning and Individual Differences, 32, 19-25.
Tanggaard, L. & Glaveanu, V. P. (2014). Creativity assessment as intervention: the case study of creative learning. Akademisk / Academic Quartet, 9, 18-30.
Treffinger, D. J., Young, G. C., Silby, E. C. & Shepardson, C. (2002). Assessing creativity: a guide for educators. The National research center on the gifted and talented. Sarasota, FL: Center for Creative Learning.