การศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการสารสนเทศ ของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการที่รับผิดชอบงานประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ในเขตภาคกลาง : การประเมินความต้องการจำเป็นแบบสมบูรณ์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินและจัดลำดับความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการสารสนเทศของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการที่รับผิดชอบงานประกันคุณภาพการศึกษา 2) วิเคราะห์สาเหตุที่ก่อให้เกิดความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการสารสนเทศ และ 3) ศึกษาแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการสารสนเทศ การศึกษาเป็นการประเมินความต้องการจำเป็นแบบสมบูรณ์ (complete need assessment) วิธีดำเนินการวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสมผสานวิธีการ (mix method research) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลระยะที่ 1 คือ แบบสอบถามสมรรถนะการจัดการสารสนเทศ กลุ่มตัวอย่าง คือ บุคลากรสายสนับสนุนวิชาการที่รับผิดชอบงานประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ในเขตภาคกลาง จำนวน 92 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ค่าดัชนีความต้องการจำเป็นแบบปรับปรุง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลระยะที่ 2 คือ แบบสัมภาษณ์หาสาเหตุความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการสารสนเทศ เลือกผู้ให้ข้อมูลหลักแบบมีจุดมุ่งหมายตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ จำนวนทั้งสิ้น 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลระยะที่ 3 คือ แบบสัมภาษณ์แนวทางในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการสารสนเทศ เลือกผู้ให้ข้อมูลหลักแบบมีจุดมุ่งหมายตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ จำนวนทั้งสิ้น 3 คน การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ดำเนินการโดยตรวจสอบเนื้อหาเพื่อค้นหาข้อความสำคัญ (significant statement) จากนั้นนำมาจัดกลุ่มข้อมูล (categories) เพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูล แล้วนำมาสรุปเป็นประเด็นข้อค้นพบ (themes) โดยผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการประเมินและจัดลำดับความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการสารสนเทศในภาพรวม พบว่า สมรรถนะที่มีความต้องการจำเป็นมากที่สุดคือความรู้ด้านการจัดการสารสนเทศ รองลงมาคือทักษะในการจัดการสารสนเทศ และเจตคติที่มีต่อการจัดการสารสนเทศ
2. สาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการสารสนเทศ คือ บุคลากรสายสนับสนุนวิชาการที่รับผิดชอบงานประกันคุณภาพการศึกษาขาดความรู้ด้านการจัดการสารสนเทศและทักษะในการจัดการสารสนเทศ สาเหตุรอง คือ ผู้บริหารให้ความสำคัญกับผลลัพธ์การประกันคุณภาพการศึกษามากกว่าการพัฒนาสมรรถนะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการที่รับผิดชอบงานประกันคุณภาพการศึกษา
3. แนวทางในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการสารสนเทศ คือ การจัดกระบวนการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติที่มุ่งเน้นการสร้างพลังและบรรยากาศการเรียนรู้แบบกลุ่ม การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การตั้งคำถาม เชิงบวก และการให้อิสระในการตัดสินใจเลือกแนวทางที่เหมาะสมด้วยตนเอง
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
กันยปริณ ทองสามสี. (2558). การพัฒนาแบบวัดสมรรถนะสำหรับบุคลากรสายงานประกันคุณภาพในสถาบันอุดมศึกษา. วารสารพฤติกรรมศาสตร์ สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปีที่ 21 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม 2558).
กรรณิกา บูระวงษ์ และถนอมวรรณ ประเสริฐเจริญสุข. (2560). โมเดลสมการโครงสร้างปัจจัยเชิงสาเหตุสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยขอนแก่น. วารสารศึกษาศาสตร์ ฉบับวิจัยบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 11(3), 1-12.
ชูชัย สมิทธิไกร. (2556). การสรรหา การคัดเลือก และการประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากร. พิมพ์ครั้งที่ 4 กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณรงค์วิทย์ แสนทอง. (2547). มารู้จัก COMPETENCY กันเถอะ. กรุงเทพ: เอช อาร์ เซ็นเตอร์.
นิภาพรรณ เจนสันติกุล. (2561). สภาพปัญหาด้านบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในภูมิภาคตะวันตก. วารสารวิชาการเซาธ์อีสท์บางกอก. 4(1), 1-14
บัณฑิตพงศ์ ท้าวทุมมา และคณะ. (2560). การจัดระบบสารสนเทศเพื่อการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนช่องฟ้าชินเชิงวาณิชบำรุง จังหวัดเชียงใหม่. Veridian E-Journal ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคม และศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 10(3), 2189-2204.
บุญชัย บุญโสภณ และสุวัฒน์ เงินฉ่ำ. (2559). ยุทธศาสตร์การจัดการสารสนเทศเพื่อการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา สังกัดองค์กรส่วนท้องถิ่น. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย, 6(3), 111-118.
บุญเลิศ กลิ่นรัตน์. (2542). การบริหารทรัพยากรมนุษย์. เชียงใหม่: คณะวิทยาการจัดการ สถาบันราชภัฏเชียงใหม่.
พรรษวุฒิ จูโพธิ์แก้ว. (2559). การจัดการสารสนเทศเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษา: ข้อเสนอรูปแบบและการประยุกต์ใช้. วารสารการวัดผลการศึกษา. 33(94), 22-31.
ภาวิณี แสนชนม์ และ น้ำทิพย์ วิภาวิน. (2561). การสังเคราะห์งานวิจัยด้านการจัดการสารสนเทศ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี, 7(1), 23-42.
ภิราช รัตนันต์. (2560). การจัดการทรัพยากรมนุษย์ร่วมสมัยในองค์การ. วารสารบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 1(1), 21-38.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. (2560). ยุทธศาสตร์และแผนการพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 20 ปี พ.ศ.2560-2579. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี: ศูนย์นวัตกรรมการออกแบบและสื่อคอนเวอร์เจนซ์.
วีระ อรัญมงคล และรัชฎา ธิโสภา. (2549). รูปแบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสถาบันอุดมศึกษา: กรณีศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. วารสารวิชาการเทคโนโลยีอุตสาหกรรม, 2(1), 70-76.
วัฒนา นนทชิต. (2558). การจัดการสารสนเทศเพื่อการรับรองมาตรฐานของโรงพยาบาล. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, 10(2), 152-166.
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2558). คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับอุดมศึกษา พ.ศ.2557. พิมพ์ครั้งที่ 5 กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ภาพพิมพ์.
สุภาวดี ขุมทองจันทร์. (2559). การบริหารทรัพยากรมนุษย์อย่างบูรณาการ. กรุงเทพ: บริษัท ซีเอ็ด ยูเคชั่น จำกัด (มหาชน).
สุวิมล ว่องวานิช. (2548). การวิจัยการประเมินความต้องการจำเป็น. พิมพ์ครั้งที่ 3 ฉบับปรับปรุง กรุงเทพ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมบูรณ์ ศิริสรรหิรัญ และคณะ. (2561). การประยุกต์ใช้ความรู้จากการฝึกอบรมและสมรรถนะในการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์. Veridian E-Journal ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคม และศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 11(1), 2318-2332.
สร้อยขวัญ เสมอพิทักษ์ และ ภรณี ศิริโชติ. (2553). การจัดการสารสนเทศเพื่อการประกันคุณภาพของคณะวิชา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร. วารสารสนเทศศาสตร์, 28(3), 45-56.
องอาจ นัยพัฒน์. (2561). การวิจัยสถาบัน : เครื่องมือพัฒนาสถาบันสู่ความเป็นเลิศ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สามลดา.
อรอุมา ขันธพาลี. (2560). แนวทางการจัดการระบบสารสนเทศเพื่อการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1. วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปีที่ 4 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560).
อาวุธ รื่นภาคพจน์. (2553). ความรู้ ทักษะ และทัศนคติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการจัดการสารสนเทศเพื่อการวางแผน: กรณีศึกษาอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
อิทธิพัทธ์ สุวทันพรกูล. (2561). การวิจัยทางการศึกษา : แนวคิดและการประยุกต์ใช้. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Brain Detlor. (2010). Information Management. International Journal of Information Management.
Chun Wei Choo. (1995). Information Management for the Intelligent Organization: Roles and Implication for the Information Professions. Paper presented at the 1995 Digital Libraries, March 27-28, 1995. Singapore.
Daniel Projogo., et al. (2018). The relationships between information management, process management and operational performance: Internal and external contexts. International Journal of Production Economics.
David C. McClelland. (1973). Testing for competence rather than for “intelligence”. American psychologist.
Petr Doucek. (2015). The Impact of Information Management. FAIMA Business & Management Journal.