การวิเคราะห์ทักษะกระบวนการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนของครูในจังหวัดสระแก้ว

Main Article Content

สุภาวดี ประเสริฐสรรค์
ภัทราวดี มากมี
อุทัยพร ไก่แก้ว

บทคัดย่อ

           การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบประเมินทักษะกระบวนการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน และเปรียบเทียบทักษะกระบวนการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนของครูในจังหวัดสระแก้ว จำแนกตามเพศและสังกัด กลุ่มตัวอย่างเป็นครูผู้สอนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จังหวัดสระแก้ว ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 130 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบประเมินแบบมาตรประมาณค่า 6 ระดับ วิเคราะห์ค่าสถิติพื้นฐานและ Two-Way MANOVA


          ผลการวิจัยปรากฏว่า


  1. แบบประเมินทักษะกระบวนการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนของครูในจังหวัดสระแก้ว มีองค์ประกอบ 5 ด้าน คือ 1) การกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ของผู้เรียน จำนวน 17 ข้อ 2) การให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียน จำนวน 18 ข้อ 3) วิธีการประเมินการเรียนรู้ จำนวน 36 ข้อ 4) เนื้อหาผนวกวิธีสอน จำนวน 27 ข้อ และ  5) ประสบการณ์เรียนรู้ของผู้เรียน จำนวน 17 ข้อ รวม 115 ข้อ มีค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหารายข้อ (I-CVI) เท่ากับ 1.00 ค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหาทั้งฉบับ (S-CVI) เท่ากับ 1.00 มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .215 ถึง .814 และมีค่าความเที่ยงแบบความสอดคล้องภายในทั้งฉบับเท่ากับ .938

  2. การเปรียบเทียบทักษะกระบวนการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนจำแนกตามเพศ และสังกัด แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (F = 5.78 และ 11.59 ตามลำดับ) ปรากฏว่า เพศหญิงมีทักษะกระบวนการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนอยู่ในระดับดีมาก ดีกว่าครูชายซึ่งอยู่ในระดับดี และครูในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามีทักษะกระบวนการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนอยู่ในระดับดีมาก ดีกว่าครูในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาซึ่งอยู่ในระดับดี

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). ระบบสารสนเทศเพื่อบริหารการศึกษา. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา:
http://data.bopp-obec.info/emis [สืบค้นเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2558].
กัลยานี กาซอ, เรวดี กระโหมวงศ์ และสุเทพ สันติวรานนท์. (2556). การประเมินผลการปฏิบัติงานของครู
ระดับประถมศึกษาตามมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการ
ศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3. วารสาร AL-NUR บัณฑิตวิทยาลัย.
มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา. 7(13).
การศึกษา. (2558). แนวทางการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมและค่านิยมทางสังคมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียน นิสิต.
[ออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://www.commonsenseforpubliceducation.org/13/51/
[สืบค้นเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2559].
ขจิตรารัตน์ แสนรัมย์ และสงวน ทรงวิวัฒน์. (2555). สภาพการบริหารงานด้านการวัดและประเมินผลการ
เรียนรู้ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3. วิทยานิพนธ์
หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.
คอดารียะห์ เสกเมธี, ชิดชนก เชิงเชาว์, และณัฐวิทย์ พจนตันติ. (2551). การศึกษาเทคนิคการจัดการเรียน
การสอนของครู: กรณีศึกษา ครูที่ได้รับรางวัลพระราชทานในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
จังหวัดปัดตานี. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
จริยาพร สังขรัตน์, พงศ์ประพันธ์ พงษ์โสภณ, และสมบุญ เตชะภิญญาวัฒน์. (2555). เส้นทางการเป็นครู
วิทยาศาสตร์ดีเด่นระดับประถมศึกษา: กรณีศึกษาสำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย, กรุงเทพฯ:
สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำนักหอสมุด.
เชิดศักดิ์ ไอรมณีรัตน์. (2552). การให้ข้อมูลย้อนกลับ (Providing feedback). แหล่งข้อมูลด้านแพทยศาสตร
ศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา:
http://teachingresources.psu.ac.th/other_articles.php.pdf [ สืบค้นเมื่อ วันที่ 21 มิถุนายน
2559]
ฐิติพงษ์ ตรีศร. (2552). สมรรถนะการปฏิบัติงานของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
เพชรบูรณ์ เขต 3. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิต
วิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์.
มาเรียม นิลพันธ์, ไชยยศ ไพวิทยศิริธรรม, ศิริวรรณ วณิชวัฒนวรชัย และอุบลวรรณ ส่งเสริม. (2558).
การประเมินผลการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในโรงเรียน
ต้นแบบการใช้หลักสูตร. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. 7(1): 26-41.
ยุทธชัย ศรบุญลา, พชรวิทย์ จันทร์ศิริสิร และจตุพร เหลืองอุบล. (2558). การเปรียบเทียบสมรรถนะประจำ
สายงานของครู ระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดมหาสารคาม. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย
มหาสารคาม. 9(1): 48-56.

วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: มูลนิธิ
สดศรี-สฤษดิ์วงศ์.
สนธิ สถาพร และดวงใจ ชนะสิทธิ์. (2559). การบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการจัดการเรียน
การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 9. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. 8(1): 362-377.
สมจิต จันทร์ฉาย. (2557). การออกแบบและพัฒนาการเรียนการสอน. คณะครุศาสตร์. มหาวิทยาลัยนครปฐม.
สำนักทดสอบทางการศึกษา. (2560) รายงานผลการประเมินคุณภาพผู้เรียนระดับชาติ ปีการศึกษา 2558 :
บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร
แห่งประเทศไทย จำกัด.
สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2557). นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2557. กลุ่มวิจัยและพัฒนานโยบาย กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2553). แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุม
สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
Black, P., & Wiliam, D. (1998). Assessment and classroom learning. Assessment in Education
Principles, Policy & Practice. 5(1): 7–75.
Bell, B., & Cowie, B. (1999). Formative assessment and science education. London: Kluwer
Academic Publishers.
Cerbin, W., & Kopp, B. (2006). Lesson Study as a Model for Building Pedagogical Knowledge
and Improving Teaching. International journal of teaching and learning in higher
education. 18(3): 250-257.
Hatti, J. & Temperly, N. (2007). The power of feedback. Review of Educational Research.
77(1): 81-112.
Harlen, W. (1998). Classroom assessment a dimension of purpose and procedures, Paper
presented at the Annual Conference of the New Zealand Association For
Research in Education. Dunedin: New Zealand.
Shambaugh, R. N. & Magliaro, S. L. (1997). Mastering the possibilities. Massachusetts: Allyn
and Bacon.
Tsai, F. H., Tsai, C. C., & Lin, K. Y. (2015). The evaluation of different gaming modes and
feedback types on game-based formative assessment in an online learning
environment. Computers & Education. 81: 259-269.