การสร้างแบบทดสอบคู่ขนานตามรูปแบบฟาเซทวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

บทคัดย่อ

การวัดผลและประเมินผลการเรียนเป็นกระบวนการในการตรวจสอบความสามารถของผู้เรียนและเป็น
ตัวบ่งชี้ความสำเร็จของการดำเนินการตามแนวทางของหลักสูตร แบบทดสอบคู่ขนานตามรูปแบบฟาเซทเป็น
เครื่องมือในการวัดผลที่สร้างขึ้นจากลักษณะเฉพาะของข้อสอบ ทำให้การเขียนข้อสอบมีความรัดกุมยิ่งขึ้น
และสามารถวัดได้อย่างมีเหตุผล เป็นปรนัยและวัดได้อย่างครอบคลุม การนำรูปแบบฟาเซทมาช่วยในการเขียน
ลักษณะเฉพาะของข้อสอบจะช่วยทำให้ได้แบบทดสอบที่มีความเป็นคู่ขนาน สามารถนำไปใช้ทดแทนกันได้
การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้รูปแบบฟาเซทสร้างแบบทดสอบคู่ขนานวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการแยก
ตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และเปรียบเทียบค่าสถิติของแบบทดสอบคู่ขนาน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 จำนวน 645 คน จากโรงเรียน 6 โรง ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่าง
แบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบทดสอบชนิดเลือก
ตอบ 5 ตัวเลือก จำนวน 2 ฉบับ ฉบับละ 30 ข้อ สร้างตามรูปแบบฟาเซทให้มีลักษณะคู่ขนานกัน โดยการ
เปรียบเทียบค่าสถิติของข้อสอบคู่ขนาน ได้แก่ ค่าความยาก ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น ค่าคะแนนเฉลี่ย
และค่าความแปรปรวน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ t-test และ F-test
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. แบบทดสอบวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่สร้างขึ้นตามรูปแบบ
ฟาเซท มีจำนวน 2 ฉบับ ซึ่งเป็นแบบทดสอบคู่ขนาน มีคุณภาพดังนี้
1.1 แบบทดสอบฉบับที่ 1 จำานวน 30 ข้อมีค่าความยากตั้งแต่ .32 ถึง .66 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่
.40 ถึง .90 ค่าคะแนนเฉลี่ย 14.91 ค่าความแปรปรวน 65.74 ค่าความเชื่อมั่น .92
1.2 แบบทดสอบฉบับที่ 2 จำานวน 30 ข้อมีค่าความยากตั้งแต่ .35 ถึง .66 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่
.38 ถึง .89 ค่าคะแนนเฉลี่ย 14.85 ค่าความแปรปรวน 66.26 ค่าความเชื่อมั่น .92
2. ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนของแบบทดสอบคู่ขนานที่สร้างตามรูปแบบฟาเซท
มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีความสัมพันธ์กันในระดับสูง (rXY = 0.95)

3. ผลการตรวจสอบความเป็นคู่ขนานของแบบทดสอบคู่ขนานที่สร้างโดยใช้รูปแบบฟาเซทผลปรากฏว่า
แบบทดสอบทั้ง 2 ฉบับ มีลักษณะคู่ขนานทั้งในด้านเนื้อหาสาระของข้อสอบและคุณลักษณะทางสถิติตามเกณฑ์
มาตรฐานของความเป็นแบบทดสอบคู่ขนาน กล่าวคือ มีค่าความยาก ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น
ค่าคะแนนเฉลี่ย ค่าความแปรปรวนไม่แตกต่างกันและมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างแบบทดสอบคู่ขนาน
2 ฉบับอยู่ในเกณฑ์สูง
โดยสรุปรูปแบบฟาเซทเป็นเทคโนโลยีการเขียนข้อสอบที่สามารถนำมาใช้สร้างแบบทดสอบให้มีลักษณะ
คู่ขนานได้ ทั้งในด้านเนื้อหาสาระของข้อสอบและคุณลักษณะทางสถิติตามเกณฑ์มาตรฐานของความเป็น
แบบทดสอบคู่ขนาน