โปรแกรมการเจริญสติที่เน้นหลักการเรียนแบบมุ่งการรู้จริงทำได้เพื่อสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ ของนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

Main Article Content

สุขิริณณ์ อามาตย์บัณฑิต
เสริมศรี ไชยศร
วีณา วโรตมะวิชญ

บทคัดย่อ

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเป็นขั้นตอนสำคัญของการพัฒนานิสิตหลักสูตรทางการศึกษาทุก
หลักสูตร นิสิตต้องปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่และเผชิญกับปัญหาที่หลากหลายระหว่างการฝึกประสบการณ์
ความฉลาดทางอารมณ์มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้นิสิตสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม การวิจัยนี้มี
วัตถุประสงค์เพื่อ 1) ออกแบบโปรแกรมการเจริญสติที่เน้นหลักการเรียนแบบมุ่งการรู้จริงทำได้เพื่อเสริมสร้าง
ความฉลาดทางอารมณ์ 2) เปรียบเทียบความฉลาดทางอารมณ์ของนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูก่อนและ
หลังการฝึกอบรมด้วยโปรแกรมการเจริญสติ และ 3) วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้เรียนบรรลุหรือไม่บรรลุ
วัตถุประสงค์ของการเจริญสติด้วยหลักการเรียนแบบมุ่งการรู้จริงทำ กลุ่มเป้าหมายได้มาด้วยการเลือกอย่าง
เจาะจง (Purposive) เป็นนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู จำนวน 6 คน ซึ่งกำลังฝึกประสบการณ์วิชาชีพใน
โรงเรียนเฉพาะทางการศึกษาพิเศษ ในจังหวัดขอนแก่น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 เครื่องมือที่ใช้ในการ
วิจัย ประกอบด้วย 1) โปรแกรมการเจริญสติ 2) แบบวัดความฉลาดทางอารมณ์ ประกอบด้วยคำถามแบบ
เลือกตอบจำนวน 50 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 4.05-20.77 ความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้างมีค่าสัมประสิทธิ์
สหสัมพันธ์ตั้งแต่ 0.30-0.83 ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับมีค่าเท่ากับ 0.88 ใช้วัดความฉลาดทาง
อารมณ์ของกลุ่มเป้าหมายก่อนและหลังการใช้โปรแกรมการเจริญสติ โดยนิสิตกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประเมิน
ตนเอง 3)แบบประเมินพฤติกรรมโดยผู้ใกล้ชิด จำนวน 13 ข้อ และ 4) แบบบันทึกประจำวันระหว่างการเจริญ
สติเข้ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์สถิติ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และการวิเคราะห์เนื้อหา ใช้การ
ตีความพฤติกรรมที่แสดงถึงความฉลาดทางอารมณ์ของนิสิตหลังเรียนจากการเรียนรู้ด้วยโปรแกรมการเจริญสติ


ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1.การออกแบบโปรแกรมการเจริญสติที่เน้นหลักการเรียนแบบมุ่งการรู้จริงทำได้เพื่อพัฒนาความฉลาด
ทางอารมณ์ เป็นการใช้การฝึกสติแบบเคลื่อนไหว 14 จังหวะ และการเดินจงกรมมาใช้ในการฝึกสติ ผู้เรียนต้อง
ฝึกสติแบบเคลื่อนไหวทุกครั้งในการเรียนแต่ละหน่วยการเรียน และผู้เรียนจะได้เรียนเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับ
ความฉลาดทางอารมณ์ผ่าน การบรรยาย กิจกรรมกลุ่ม การล่นเกม บทบาทสมมุติ การชมวีดีทัศน์ และการ
อภิปราย องค์ประกอบของโปรแกรมประกอบไปด้วย 1) หลักการและเหตุผล 2) จุดมุ่งหมายของโปรแกรม
3)โครงสร้างของโปรแกรม 4)เนื้อหาสาระการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จัดเป็นหน่วยย่อย 6 หน่วยการเรียนรู้ คือ
หน่วยที่ 1 สติกับการรู้จักอารมณ์ของตนเอง หน่วยที่ 2 สติกับการจัดการอารมณ์ตนเอง หน่วยที่ 3 สติกับการ
สร้างแรงจูงใจให้ตนเอง หน่วยที่ 4 สติกับการรู้จักอารมณ์ของผู้อื่น หน่วยที่ 5 สติกับทักษะทางสังคมและการ
สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น หน่วยที่ 6 เป็นการฝึกเจริญสติเข้มที่วัดป่าสุคะโต และ 5) การประเมินผลการเรียนรู้
2. ผลการเปรียบเทียบความฉลาดทางอารมณ์ของนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูก่อนและหลังการ
ฝึกอบรมด้วยโปรแกรมการเจริญสติ พบว่า ความฉลาดทางอารมณ์ของนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูหลัง
การเรียนในโปรแกรมมีคะแนนโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง สูงกว่าก่อนเรียน และ สูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ร้อยละ 80
และจากการประเมินพฤติกรรมของผู้ใกล้ชิดกับผู้เรียนทั้ง 6 คน ภายหลังการใช้โปรแกรม พบข้อมูลที่ส่งเสริมว่าผู้เรียนมี
ความฉลาดทางอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นทั้ง 5 ด้านทุกคน ในหน่วยที่ 6 การเจริญสติเข้มที่วัด ข้อมูลที่ได้
จากการสัมภาษณ์พระวิทยากรพบว่า ผู้เรียนทุกคนมีสติและเป็นผู้มีความฉลาดทางอารมณ์ในระดับสูงเช่นกัน
3. ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์การเจริญสติด้วยหลักการเรียนแบบมุ่งการรู้จริงท าได้
ประกอบด้วย ประกอบด้วย 1) ลักษณะส่วนบุคคลของผู้เรียน 2) กิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย 3) การใช้สื่อ
การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเนื้อหา 4) การเป็นพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ข้อมูลป้อนกลับ 5) การซ่อมเสริมแก้ไข
ข้อบกพร่องที่เหมาะกับลักษณะของผู้เรียน
ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้เรียนไม่บรรลุวัตถุประสงค์การเจริญสติด้วยหลักการเรียนแบบมุ่งการรู้จริงท าได้
ประกอบด้วย 1) ระยะเวลาในการฝึกในห้องเรียน 2) ประสบการณ์เดิมในการปฎิบัติธรรมของแต่ละบุคคล
3) เวลาในการพักผ่อนที่วัดไม่เพียงพอ/ความเหนื่อยล้า 4) ความเจ็บป่วย

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

1. กรมการพัฒนาชุมชน กองฝึกอบรม กระทรวงมหาดไทย. (2544). ความฉลาดทางอารมณ์ วารสารพัฒนา
ชุมชน. 40(1): 54-56.
2. จงจิต ตรีรัตนธำรง. (2543). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล
และฟังก์ชันลอการิทึม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ด้วยหลักการเรียนเพื่อรอบรู้. วิทยานิพนธ์
ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
3. นพพร เจริญสุข. (2525). การเปรียบเทียบปัญหาการฝึกสอนของนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัย
รามคำแหงและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต(หลักสูตรและการสอน).
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
4. พงษ์ธารา วิจิตเวชไพศาล. (2551). การเรียนแบบรอบรู้. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
19 : 1.
5. พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ประยุตโต). (2543). เจตโกศลหรือปรีชาเชิงอารมณ์. กระแสวัฒนธรรม. 1,1:4-7.
6. พริ้มเพรา ดิษยวณิช. (2544). ผลของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่มีต่อบุคลิกภาพและเชาว์อารมณ์.
วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 46 : 3.
7. วรินทร์ทิพย์ หมี้แสน. (2543). ผลของการฝึกสมาธิตามแนวสติปัฎฐาน 4 ที่มีต่อเชาวน์อารมณ์ของนักเรียน
มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ตาก. ครุศาสตร์บัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
8.วีระวัฒน์ ปันนิตามัย. (2544). เชาว์อารมณ์ (EQ). กรุงเทพฯ : เอ็กซ์เปอร์เน็ต.
9. สมจิต จันทร์ฉาย. ( 2557). การออกแบบและพัฒนาการเรียนการสอน. นครปฐม : เพชรเกษมพริ้นติ้ง
กรุ๊ป จำกัด
10. สมชาย สุริยะไกร. (2550). การพัฒนารูปแบบการเรียนบนเว็บแบบปรับเหมาะความแตกต่างระหว่าง
บุคคลด้วยหลักการจัดการเรียนแบบรู้แจ้งเพื่อเสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะ
การแก้ปัญหาของนิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต
บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
11. สมหวัง พิธิยานุวัฒน์. (2543). ข้อเสนอเชิงนโยบายการผลิตและพัฒนาครู. กรุงเทพฯ : ส านักงาน
คณะกรรมการการ ศึกษาแห่งชาติ. ส านักนายกรัฐมนตรี.
12. เสริมศรี ไชยศร. (2539). พื้นฐานการสอน. เชียงใหม่ : ลานนาการพิมพ์.
13. อัจฉรา สุขารมณ์ ,อรพินทร์ ชูชม. (2548). โปรแกรมส่งเสริมและพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ตาม
แนวตะวันออกส าหรับเยาวชนไทยเพื่อพัฒนาคุนภาพชีวิตที่ดี. สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
14. อมร เพชรสุวรรณ และคณะ. (2549). ปัญหาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูของนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ปีการศึกษา 2549. รายงานการวิจัย คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัย ราชภัฏจันทรเกษม.
15. อรรณนพ แสงแจ่ม. (2542). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมอาจารย์พี่เลี้ยงนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
ครูวารสารครุศาสตร์. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
16. อมรรัตน์ วงศ์ประเทศ. (2550). การพัฒนาแบบทดสอบวัดความฉลาดทางอารมณ์ของครูประถมศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสงขลา. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาวิทยาลัยทักษิณ.
17. Block,J.H. and Anderson,L.W. (1975). Mastery learning in Classroom instruction. New York
: Macmillan Publishing.
18. Bloom, B.S. (1971). Mastery learning. In J.H. Block (ed.), Mastery learning: Theory and
practice. New York: Holt, Rinehart and Winston.
19. Bloom,B.S. (1982). Human characteristics and school learning. New York : McGrawHill
20. Crystal B. Cowan. (2015). A Case Study of Mastery Learning Activities in Kindergarte Literacy
Centers. [Online]. Doctor of Education (Ed.D.) Walden University Online Available
from : http://scholarworks.waldenu.edu/dissertations/1617/ [accessed 29 July 2016].
21. Goleman, D. (1995). Emotional Intelligence : Why it Can Matters More Than IQ. New York:
Basic Books.
22. Keller, Fred (1968). Good Bye Teacher. Journal of Applied Behavior Analysis. [Online].
Available from : http://it.pedf. cuni.cz/strstud/edutech/2007_PSI_Prikner/soubory/
good_bye_teacher.pdf [accessed 18 July 2014].