การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานร่วมกับทฤษฎีการขยายความคิด เพื่อส่งเสริมการถ่ายโยงการเรียนรู้ และทักษะการแก้ปัญหา สำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) สังเคราะห์รูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานตามทฤษฎีการขยายความคิดเพื่อส่งเสริมการถ่ายโยงการเรียนรู้
และทักษะการแก้ปัญหาสำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2) ประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ
ที่สังเคราะห์ขึ้น โดยแบ่งวิธีการดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่
1) สังเคราะห์รูปแบบการเรียนการสอนด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) จาก
ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนแบบผสมผสานตามทฤษฎีการขยายความคิด ด้านการถ่ายโยงการเรียนรู้และด้าน
ทักษะการแก้ปัญหา คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายโดยวิธีเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 10 คน เก็บข้อมูล
โดยสัมภาษณ์ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะแล้วน าไปสังเคราะห์เพื่อพัฒนาเป็นรูปแบบการเรียนรู้
2) การประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่ประเมินเพื่อรับรอง
ความเหมาะสมของรูปแบบ คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายโดยวิธีเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 5 คน เก็บข้อมูล
โดยใช้แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัย พบว่า
1) ผลการสังเคราะห์และการตรวจสอบรูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานร่วมกับทฤษฎีการขยาย
ความคิดเพื่อส่งเสริมการถ่ายโยงการเรียนรู้และการคิดแก้ปัญหาสำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
ผู้วิจัยน ารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานร่วมกับทฤษฎีการขยายความคิด ที่ปรับแก้หลังการทดลองใช้ให้ ้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการศึกษาด้านการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานและด้านการจัดการเรียนการ
สอนระดับอุดมศึกษาจำนวน 5 ท่านเป็นผู้รับรองรูปแบบการเรียน ซึ่งมี 3 องค์ประกอบ ดังนี้ (1) การจัดเตรียม
(Preparation) (2) การจัดการเรียนรู้ (Learning Process) และ (3) การประเมินผลการเรียนการสอน
(Evaluation) ซึ่งมีขั้นตอนที่ส่งเสริมการถ่ายโยงการเรียนรู้ 3 ขั้นคือ ขั้นที่ 1 กระตุ้นประสบการณ์ ขั้นที่ 2
สร้างการถ่ายโยงการเรียนรู้ ขั้นที่ 3 เสริมการถ่ายโยงการเรียนรู้ และขั้นตอนที่ส่งเสริมการแก้ปัญหา
3 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 เข้าใจ และคิดตัวแทนปัญหา ขั้นที่ 2 การวิเคราะห์และดำเนินการแก้ปัญหา ขั้นที่ 3
ตรวจสอบและปรับปรุงการแก้ปัญหา
2) ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบที่สังเคราะห์ขึ้น สามารถสรุปได้ 4 ด้าน ดังนี้
1) องค์ประกอบของรูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ( x =4.73, S.D.
=0.40) 2) ด้านกิจกรรมของรูปแบบการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการถ่ายโยงการเรียนรู้ มีความเหมาะสมใน
ระดับมากที่สุด ( x =4.60, S.D. =0.55) 3) ด้านกิจกรรมขั้นตอนของรูปแบบการเรียนการสอนที่ส่งเสริมทักษะ
การแก้ปัญหา มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ( x =4.76, S.D. =0.40) 4) ด้านความเหมาะสมของรูปแบบ
การเรียนการสอนที่มีความเป็นไปได้ในการนำไปใช้งานได้จริง มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ( x =4.60,
S.D. =0.55) แสดงว่า รูปแบบการเรียนการสอนที่สังเคราะห์ขึ้น มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด
สามารถนำไปเป็นต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอนได้
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
สินสินค้า และพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
2. เกียรติศักดิ์ วจีศิริ. (2553). การพัฒนารูปแบบการเรียนรูแบบน าตนเองบนเว็บเพื่อเสริมสร้างความสามารถใน
การคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับประถมศึกษา.วิทยานิพนธ์ปรัชญา
ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีเทคนิคศึกษา ภาควิชาครุศาสตร์เทคโนโลยี บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.
3. ฆนัท ธาตุทอง. (2551). การออกแบบการสอนและบูรณาการ. นครปฐม: เพชรเกษมการพิมพ.
4. สัมฤทธิ์ เสนกาศ. (2553). การพัฒนารูปแบบการเรียนรูแบบผสมผสานเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนด้านการ
เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา ภาควิชา
คอมพิวเตอร์ศึกษา บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.
5. อินทิรา รอบรู้ และกฤษมันต์ วัฒนาณรงค์ (2553). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานเพื่อ
เพิ่มประสิทธิภาพในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง. วารสารวิชาการครุศาสตร์อุตสาหกรรม พระจอม
เกล้าพระนครเหนือ 1,2(2553) : 13-15.
6. Hunter, M. (1995). Teach for transfer. CA : Corwin.
7. Jackson, R.G. (1993). The effect of elaboration theory in facilitating achievement of varied
educational objectives in print/text material. [Online] Dissertation Abstracts International
: 54-05A. Abstract from : http://buu.thailis.uni.net.th/dao/detail.nsp [2015, May 8]
8. Ndon, Udeme Taylor. (2007). “The Lived Experiences of University Faculty Who Teach Using
aHybrid Instructional Model.” Dissertation Abstract International. 67
