ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในการใช้บริการฟิตเนสขนาดเล็กของประชากรในภาคกลางในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID 19 ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในการใช้บริการฟิตเนสขนาดเล็กของประชากรในภาคกลางในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID 19
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความสำคัญของพฤติกรรมการใช้บริการฟิตเนสขนาดเล็กของประชากรในภาคกลางในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID 19 และเพื่อเปรียบเทียบปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในการใช้บริการฟิตเนส ขนาดเล็กของประชากรในภาคกลาง โดยจำแนกตามปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ และพฤติกรรมผู้ใช้บริการ โดยใช้วิธีการสุ่มแบบโควตา มีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติพื้นฐาน คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมุติฐาน คือ Independent Sample t-test และ One-way ANOVA
กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศหญิง อายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 25 ปี การศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี มีอาชีพธุรกิจส่วนตัวและอาชีพอิสระ รายได้ต่อเดือนน้อยกว่าหรือเท่ากับ 15,000 บาท สถานภาพโสด ใช้บริการเพื่อรูปร่างที่สวยงาม โซเชียลมีเดียมีผลต่อการเลือกใช้บริการ ใช้บริการสถานที่ใกล้บ้านและที่ทำงาน พนักงานขายและรีวิวจากสังคมออนไลน์มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ค่าใช่จ่ายต่อครั้ง 50-100 บาท และใช้บริการ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า ผลการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างปัจจัยทางลักษณะประชากรศาสตร์กับปัจจัยส่วนประสมทางการการตลาด ผู้ใช้บริการที่มี อายุ อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน และสถานภาพของผู้ใช้บริการฟิตเนสขนาดเล็กที่แตกต่างกันนั้น พบว่า มีส่วนประสมทางการตลาดในการใช้บริการฟิตเนสขนาดเล็กแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 0.05 และผลการการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บริการที่แตกต่างกัน มีปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในการใช้บริการฟิตเนสขนาดเล็กของประชากรในภาคกลางที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01และ 0.05
Article Details
วารสารบริหารธุรกิจมีทั้งเเบบวารสารออนไลน์เเละวารสารเล่มฉบับ
** บทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในวารสารบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ฉบับนี้ เป็นความคิดเห็นเฉพาะผู้เขียนบทความแต่ละท่าน กองบรรณาธิการวารสารบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดเสรีด้านความคิดและไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของ
กองบรรณาธิการ **
** บทความที่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารฉบับนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของคณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอกบทความแต่ต้องอ้างอิงแสดงที่มาของวารสารที่นำไปคัดลอกให้ชัดเจน**
เอกสารอ้างอิง
_201905.pdf
2. กานดา ไชยว่อง. (2561). การรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้านการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์และพฤติกรรมการใช้บริกาธุรกิจออกกำลังกายของกลุ่มผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร.กรุงเทพฯ : นิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการบริหารธุรกิจบันเทิงและการผลิต มหาลัยกรุงเทพ
3. คอซซี่. (2562). ออฟฟิศซินโดรม. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.cozxy.com/read-our-blogs/8-วิธีง่ายๆ-ออกกำลังกาย-บริหารสัดส่วน-หุ่นฟิสเฟริม-ระหว่างทำงาน-ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม-vnXnruy9.html
4. จิรศักดิ์ ชาพรมมา. (2560). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการฟิตเนสเซ็นเตอร์ที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง. กรุงเทพฯ : คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
5. จิริฒิมา เรืองกล. (2558). ส่วนประสมทางการตลาดและคุณภาพในการให้บริการที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของลูกค้า วี ฟิตเนส โซไซตี้ กรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
6. ชนุดร ธีรวัฒนอมร. (2554). ความต้องการส่วนประสมทางการตลาดของผู้ใช้บริการทางการกีฬาและการออกกำลังกายในสนามกีฬาแห่งชาติ.กรุงเทพฯ : คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
7. ธานินทร์ ศิลป์จารุ. (2555). การวิจัยและการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS. พิมพ์ครั้งที่ 11 กรุงเทพฯ : บิสซิเนสอาร์แอนด์ดี
8. ธีรวุฒิ เอกะกุล. (2543). ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์.อุบลราชธานี : สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี.
9. ประภานันท์ โพธินาค. (2557). ความต้องการส่วนประสมทางการตลาดของผู้ใช้บริการทางการกีฬาและการออกกำลังกายในการกีฬาแห่งประเทศไทย.กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
10. ประศักดิ์ สันติภาพ. (2546). พฤติกรรมการออกกำลังกาย และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ในกลุ่มนักศึกษาปริญญาตรี ภาคปกติ สถาบันราชภัฏจันทร์เกษม. กรุงเทพฯ : คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
11. ปรัชญา กลิ่นอบ. (2561). ส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อความเต็มใจจ่ายค่าบริการรายเดือนในการใช้บริการฟิตเนส 24 ชั่วโมง ในเขตกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
12. ปัทมนันท์ พลเดช. (2547). ปัจจัยการโน้มน้าวใจของสถานออกกำลังกาย.กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.กรุงเทพฯ.
13. พรรณราย พินิจ. (2562). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการฟิตเนสของผู้ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
14. รัฐวัชร์ พัฒนจิระรุจน์. (2557). ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค (The Theory of Consumer Behavior). สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564, จาก http://poundtv5.blogspot.com/2014/10/theory-ofconsumerbehavior.html.
15. รัตนชัย ม่วงงาม. (2564). วิธีทำธุรกิจฟิตเนสให้ปังเทคนิคดีจากทั่วโลก. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2564, จาก http://www.thaismescenter.com/
16. ภูษณพัส สมนิล และคณะ. (2562). สำรวจและศึกษาวิจัยต่อเครื่องมือออกกำลังกายในเป้าที่มุ่งเป้าการศึกษาแบบสำรวจและการรับรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งในสวนสาธารณะที่ส่งผลต่อการออกกำลังกายของผู้ใช้. วารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ, 20(3), 96-109.
17. วรรณธิดา โชติมโนธรรม. (2546). การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤตกรรมการออกกำลังกายของนักเรียนระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
18. ศิกานต์ ปาลสเถียร. (2554). แนวทางพัฒนาการให้บริการออกกำลังกายสำหรับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
19. อุษา ศรีไชยา. (2560). ส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการฟิตเนสเซ็นเตอร์ของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนของเขตกรุงเทพมหานคร.กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
20. เอกรินทร์ กิตติเลิศภักดีกุล. (2558). พฤติกรรมและปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้ของผู้ใช้บริการสนามกีฬาของรัฐ ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่.เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่