แรงจูงใจของแรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานในสาธารณรัฐเกาหลีอย่างถูกกฎหมาย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาและเปรียบเทียบแรงจูงใจและระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนการสมัครและคัดเลือกของแรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานในสาธารณรัฐเกาหลี โดยเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นแรงงานไทยจากทุกภาคทั่วประเทศไทยที่ต้องการไปทำงานอย่างถูกกฎหมายในสาธารณรัฐเกาหลีจำนวน 400 คน ใช้การวิเคราะห์ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และความแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุมากกว่า 25 – 30 ปี มีรายได้ต่อเดือนปัจจุบันในประเทศไทยน้อยกว่าหรือเท่ากับ 10,000 บาท สถานภาพโสด/หย่าร้าง/แยกกันอยู่ และสุ่มแบบโควตาตาม 4 แขนงวิชาชีพที่ต้องการไปทำงานที่เกาหลีเท่ากัน แรงจูงใจของแรงงานที่ต้องการไปทำงานที่เกาหลีเรียงตามค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อยคือ ความมั่นคง ผลตอบแทนและสวัสดิการ โอกาสในความเจริญก้าวหน้า โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา และค่านิยมตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า อายุที่แตกต่างมีแรงจูงใจด้านโอกาสในการเรียนรู้และการพัฒนา โอกาสเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน ผลตอบแทนและสวัสดิการที่แตกต่างกันรวมทั้งมีระดับความคิดเห็นแตกต่างกันด้านระยะเวลาในการดำเนินการ รายได้ที่แตกต่างกันมีแรงจูงใจและขั้นตอนการสมัครและคัดเลือกแตกต่างกันในทุกด้าน สถานภาพสมรสที่แตกต่างกันส่งผลต่อแรงจูงใจด้านลักษณะงาน โอกาสเจริญเติบโตในหน้าที่การงานแตกต่างกันรวมทั้งมีระดับความคิดเห็นแตกต่างกันด้านความสะดวกในการสมัครและเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกัน แขนงวิชาชีพที่ต้องการไปทำงานในสาธารณรัฐเกาหลีที่แตกต่างกันมีแรงจูงใจด้านลักษณะงานและโอกาสเรียนรู้และการพัฒนาแตกต่างกัน รวมทั้งมีระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับช่องทางการติดตามข่าวสาร ระยะเวลาในการดำเนินงาน และเกณฑ์การคัดเลือกแตกต่างกัน
Article Details
วารสารบริหารธุรกิจมีทั้งเเบบวารสารออนไลน์เเละวารสารเล่มฉบับ
** บทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในวารสารบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ฉบับนี้ เป็นความคิดเห็นเฉพาะผู้เขียนบทความแต่ละท่าน กองบรรณาธิการวารสารบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดเสรีด้านความคิดและไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของ
กองบรรณาธิการ **
** บทความที่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารฉบับนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของคณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอกบทความแต่ต้องอ้างอิงแสดงที่มาของวารสารที่นำไปคัดลอกให้ชัดเจน**