ผลการใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตาม ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์

Main Article Content

ทิชากร ทองระยับ
ธนิน กระแสร์
วันทนีย์ นามสวัสดิ์ นามสวัสดิ์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะเรื่อง ความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ 3) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึก ทักษะ เรื่อง ความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนบ้านโคกย่าง ตำบลโคกย่าง อำเภอประโคนชัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 จำนวน 14 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะเรื่อง ความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์จำนวน 5 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ จำนวน 10 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากรายข้อตั้งแต่ 0.50 – 0.70 และค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.33 – 0.67 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.94และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อมีการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานE1/E2 และ E.I.การทดสอบสมมติฐานโดยใช้ค่า สถิติ t-test (Dependent Samples)

ผลการวิจัยพบว่า

1. แบบฝึกทักษะ เรื่อง ความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.57/84.82 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 75/75

2. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่อง ความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่อง ความน่าจะเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เท่ากับ 0.6545 หรือคิดเป็นร้อยละ 65.45

4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่อง ความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

 

Effects of Exercises on Probability of Mathematic Learning Activities Based for Matthayomsuksa 3 Students by Using Constructivist Theory Learning

The purposes of this study were 1) to study the efficiency of the exercises on probability of mathematic learning for Matthayomsuksa 3 students by using constructivist theory learning; 2) to compare the students’ learning achievement before and after learning through exercises on probability of mathematic learning for Matthayomsuksa 3 students by using constructivist theory learning; 3) to investigate the effectiveness index of learning exercises on probability of mathematic learning for Matthayomsuksa 3 students by using constructivist theory learning; and 4) to explore the students’ satisfaction towards learning through exercises on probability of mathematic learning for Matthayomsuksa 3 students by using constructivist theory learning. The samples of the study were 14 Matthayomsuksa 3 students studying in the 2nd semester of the academic year 2014 at Ban Khokyang School under Buriram Primary Education Service Area Office 2. They were selected by using a cluster random sampling technique. The instruments used in this study were : 1) five exercises on probability packages; 2) 10 learning activity lesson plans; 3) 4 – choice achievement test comprising 40 items with the difficulty level between 0.50 – 0.70, the discrimination between 0.33 – 0.67and the reliability at 0.94; and 4) a questionnaire on students’ satisfaction. The statistics used for analyzing the collected data were mean, percentage, standard deviation, E1 /E 2 and E.I. The hypothesis was tested by using dependent samples t-test.

The results were as follows:

1) The exercises on probability of mathematic learning for Matthayomsuksa 3 students by using constructivist theory learning had an efficiency of 85.57/84.82

2) The students learned through the exercises on probability of mathematic learning for Matthayomsuksa 3 students by using constructivist theory learning after learning had higher achievement than before learning with significance difference at the level of .05.

3) The effectiveness index of learning through the exercises on probability of mathematic learning for Matthayomsuksa 3 students by using constructivist theory learning was 0.6545,which meant that their learning achievement increased 65.45 %.

4) The satisfaction of the students towards the exercises on probability of mathematic learning for Matthayomsuksa 3 students by using constructivist theory learning as a whole was at the highest level.

Article Details

บท
บทความวิชาการ (Academic Paper)