วิถีเมืองแห่งความสุขต้นแบบ: การถอดบทเรียนเพื่อพัฒนาเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุข
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยเรื่องวิถีเมืองแห่งความสุขต้นแบบ: การถอดบทเรียนเพื่อพัฒนาเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุข มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อถอดบทเรียนแนวทางการพัฒนาเมืองแห่งความสุขต้นแบบ และ ๒) เพื่อวิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ความรู้และเสนอแนวทางการพัฒนาเมืองแห่งความสุข เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพภาคสนาม ได้แก่ การลงพื้นที่ศึกษาจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตรัง ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชน ประชาชน ๒๐ คน เครื่องมือการวิจัยที่ใช้ ได้แก่ การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสังเกตการณ์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ๑) ถอดบทเรียนแนวทางการพัฒนาเมืองแห่งความสุขต้นแบบ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตรัง คือ การมีทุนทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีอยู่ในตัวคนและรูปของวัตถุ สถาบันที่เอื้อต่อการบ่มเพาะวิถีแห่งความสุขที่เรียบง่าย การมีผู้นำทางศาสนาและชุมชนที่เป็นต้นแบบ การให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนในการร่วมพัฒนาชุมชน มิติเมืองแห่งความสุขมี ๔ ด้าน คือ กายภาพ สังคมภาพ จิตภาพ และปัญญาภาพ และ ๒) วิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ความรู้และเสนอแนวทางการพัฒนาเมืองแห่งความสุข มี ๔ องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบที่ ๑ ทุนทางสังคมและทุนทางวัฒนธรรม องค์ประกอบที่ ๒ ผู้นำชุมชนและผู้นำทางศาสนา องค์ประกอบที่ ๓ การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน องค์ประกอบที่ ๔ การเป็นเมืองแห่งความสุข
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนผู้แต่ง กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป
References
(๑) หนังสือ:
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). ความคิด: แหล่งสำคัญของการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร: บริษัท สหธรรมิก จำกัด. ๒๕๔๓.
(๒) รายงานวิจัย:
ปาริชาติ วลัยเสถียร และคณะ. “กระบวนการและเทคนิคการทำงานของนักพัฒนา”. รายงานวิจัย. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย. ๒๕๔๓.
(๓) บทความ:
ขันทอง วัฒนะประดิษฐ์ และคณะ. “การพัฒนาสมรรถนะผู้นำด้วยรูปแบบนวัตกรรมการสร้างวิศวกรสันติภาพท้องถิ่นที่ส่งผลต่อการสร้างสรรค์ชุมชนให้เกิดสันติสุข”. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร. ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๓ (พฤษภาคม ๒๕๖๔): ๘๙๖-๙๐๗.
เบญจมาส พฤกษ์กานนท์ และคณะ. “การสำรวจระดับชาติเพื่อศึกษาระดับความสุขคนไทยรายจังหวัด ปี พ.ศ. ๒๕๖๑”. วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย. ปีที่ ๓๐ ฉบับที่ ๑ (๒๕๖๕): ๗๕-๘๖.
ปาน กิมปี. “ทุนทางสังคมกับการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย”. วารสาร กศน. ๔ (เมษายน ๒๕๕๔): ๓๔-๓๗.
(๔) สื่ออิเล็กทรอนิกส์:
THE BANGKOK INSIGHT EDITORIAL TEAM. อันดับความสุขของคนไทยลดลง. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.thebangkokinsight.com/๑๒๑๕๖๖/[๓ มกราคม ๒๕๖๕].
สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. ยุทธศาสตร์ชาติพ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐ (ฉบับย่อ). [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https:// www. nesdc. go.th /down load /document/SAC/NS_SumPlan Oct ๒๐๑๘.pdf [๓ มีนาคม ๒๕๖๕].
(I) Books:
Bourdieu. P. Social Capse and Symbolic Power in Sociological Theory. Great Britain: Bocardo Press, 1989.
(II) Articles:
Cohen. J. M. and Uphoff. N. T. “Participation’s place in rural development: Seeking clarity through specificity”. World Development. 8 (1980): 213-235.
Martin. S. “Positive psychology: An introduction”. American Psychology journal. Vol.55 (2000): 5-14.
Venhoven. R. “Happy life-expectancy: A comprehensive measure of quality-of-life in nations”. Social Indicators Research. Vol 39 (1996): 1-58.