แนวทางพัฒนาการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูตามหลักไตรสิกขาของครู กลุ่มโรงเรียนพัฒนมิตร จังหวัดอ่างทอง
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูของครู 2) เพื่อศึกษาวิธีการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูตามหลักไตรสิกขา และ 3) เพื่อเสนอแนวทางปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูตามหลักไตรสิกขา เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี โดยการวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามประชากรทั้งหมดที่เป็นผู้บริหารและครู จำนวน 97 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูของครูกลุ่มโรงเรียนพัฒนมิตร จังหวัดอ่างทอง โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 5 ด้าน 2) วิธีการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูตามหลักไตรสิกขาของครู ประกอบด้วย (1) จรรยาบรรณต่อตนเอง พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติตามกฎระเบียบ เป็นแบบอย่างที่ดี (2) จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ พัฒนาวิชาชีพ เป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร สร้างเครือข่าย (3) จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ให้ความรักและเมตตา เป็นแบบอย่างที่ดี พัฒนานักเรียนให้รอบด้าน (4) จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมวิชาชีพ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ร่วมมือกันทำงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (5) จรรยาบรรณต่อสังคม เป็นพลเมืองดี พัฒนาชุมชน อนุรักษ์วัฒนธรรม และ 3) แนวทางพัฒนาการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูตามหลักไตรสิกขาของครูกลุ่มโรงเรียนพัฒนมิตร จังหวัดอ่างทอง มีแนวทางดังนี้ (1) จรรยาบรรณต่อตนเอง เน้นการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความรู้ความสามารถและคุณธรรมจริยธรรมเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียนและบุคลากรอื่นๆ (2) จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ เน้นความรัก ความศรัทธาในวิชาชีพครู การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ (3) จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ เน้นการให้ความสำคัญกับนักเรียนและผู้รับบริการทุกคน ด้วยความรัก ความเมตตา และการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ (4) จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมวิชาชีพเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนครูและบุคลากรในโรงเรียน การร่วมมือกันทำงาน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (5) จรรยาบรรณต่อสังคม เน้นการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการเป็นพลเมืองดี
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
ครูเชียงราย. (2566). ความสำคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพ. แหล่งที่มา https://www. kruchiangrai.net สืบค้นเมื่อ 3 มิ.ย. 2566.
จารุเนตร เกื้อภักดิ์. (2559). แนวทางพัฒนาศักยภาพบุคลากรสายสนับสนุนของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลรัตนโกสินทร. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
พระชลธร อคฺคมฺโม (คงแสง). (2556). การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักไตรสิกขาของพระสังฆาธิการ. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตโต). (2544). พุทธธรรม (ฉบับเดิม). พิมพ์ครั้งที่ 11. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์บริษัทสหธรรมิก.
ไพวัลย์ เหล็งสุดใจ. (2558). จรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหาร. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ยนต์ ชุ่มจิต. (2553). ความเป็นครู. กรุงเทพมหานคร: โอเดียน.
รัตนวดี โชติกพนิช. (2550). จริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพครู. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ราตรี พัฒนรังสรรค์. (2544). พฤติกรรมมนุษย์กับการพัฒนาตนเอง. กรุงเทพมหานคร: สถาบันราชภัฎจันทรเกษม.
วิทยาลัยเทคโนโลยีและสหวิทยาการ. (2566). ความสำคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพ. แหล่งที่มา https://college.rmutl.ac.th/page/ethics สืบค้นเมื่อ 3 มิ.ย. 2566.
สนทยา ฤทธิ์เดช. (2554). การศึกษาความต้องการในการพัฒนาตนเองของข้าราชการครูในกลุ่มเนินสว่าง จังหวัดพิจิตร. สารนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สมควร แย้มบุบผา. (2558). การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักไตรสิกขาของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
สมคิด บางโม. (2553). องค์การและการจัดการ. กรุงเทพมหานคร: วิทยาพัฒน์.
สมาน รังสิโยกฤษฏ์. (2552). ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล. กรุงเทพมหานคร: ประชาชน.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2544). แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ.2545-2559). กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟพิค.
สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2559). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่สิบสอง พ.ศ. 2560-2564. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
อนันท์ ศรีจันทร์. (2557). แนวทางการพัฒนาครูด้านวิชาการในจังหวัดอุทัยธานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษา เขต 42. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
อนุสรณ์ ธูปทอง. (2554). การบริหารทรัพยากรบุคคลตามหลักไตรสิกขาในมณฑลทหาบกที่ 31 จังหวัดนครสวรรค์. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย.
อุษา พรหมรินทร์. (2561). การศึกษาการปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูของครูในสถานศึกษาของรัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
Wanmainoppakate. เก่งดีมีสุข. แหล่งที่มา https://sites.google.com/site/ wanmainoppakate/keng-di-mi-sukh-1 สืบค้นเมื่อ 7 พ.ค. 2563.
Gillman. (2005). Dissertation. Abstracts International. (43 (5). 1366-A.
Keeves, Peter J. (1988). Model and Model Building: Educational Research Methodology and Measurenment : An Intermational Handbook. Oxford: Pergamon Press.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement. 30(3). 607–610.
Leonard Nadler. (2002). Designing Training Program. The Critical Event Model. Reading Mass. Addison-Wesley.