การพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันตามทฤษฎีคอนเน็ตติวิสต์ซึมเพื่อส่งเสริมความสามารถ ด้านวิทยาการคำนวณ ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันตามทฤษฎีคอนเน็คติวิสต์ซึมเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านวิทยาการคำนวณของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนด้วยโมบายแอปพลิเคชันตามทฤษฎีคอนเน็คติวิสต์ซึม เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านวิทยาการคำนวณของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) เพื่อศึกษาความสามารถด้านวิทยาการคำนวณของนักเรียนที่เรียนด้วยโมบายแอปพลิเคชันตามทฤษฎีคอนเน็คติวิสต์ซึม เพื่อส่งเสริมความสามารถวิทยาการคำนวณของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนด้วยโมบายแอปพลิเคชันตามทฤษฎีคอนเน็คติวิสต์ซึม เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านวิทยาการคำนวณ ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ปทุมธานี โดยใช้วิธีการคัดเลือกสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) โมบายแอปพลิเคชัน 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 4) แบบทดสอบวัดความสามารถด้านวิทยาการคำนวณ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโมบายแอปพลิเคชันตามทฤษฎีคอนเน็คติวิสต์ซึม เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านวิทยาการคำนวณ สถิติที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test แบบ Dependent Sample) ผลการวิจัยพบว่า 1) โมบายแอปพลิเคชันตามทฤษฎีคอนเน็คติวิสต์ซึม เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านวิทยาการคำนวณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพเหมาะสมอยู่ในระดับดีมาก 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ความสามารถด้านวิทยาการคำนวณของนักเรียนหลังเรียนด้วยโมบายแอปพลิเคชันอยู่ในระดับดีมาก และ 4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยโมบายแอปพลิเคชัน อยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. (2563). การคิดเชิงวิเคราะห์. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพมหานคร: ซัคเซสมีเดีย.
คณิศร จี้กระโทก, พิศณุ ชัยจิตวณิชกุล, ชนากานต์ บุรัตน์ และสโรชา เทศารินทร์. (2565). การพัฒนาแอปพลิเคชันสื่อการเรียนรู้บนสมาร์ทโฟน เรื่องแนวคิดเชิงคำนวณ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารมนุษยสังคมศิลปากร. 4(1). 21-27.
ทิศนา แขมมณี. (2559). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 20. กรุงเทพมหานคร: แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นพดล ผู้มีจรรยา และอาลดา สุดใจดี. (2563). การพัฒนาบทเรียนเอ็มเลิร์นนิงร่วมกับการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานรายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง แนวคิดเชิงคำนวณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบางลี่วิทยา. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี. 10(1). 33-44.
นันทวัฒน์ ภัทรกรนันท์. (2566). การพัฒนาทักษะทางการเรียนวิทยาการคำนวณโดยใช้ชุดกิจกรรมเกมสร้างสรรค์ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี.วารสารนิสิตวัง มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย. 25(1). 65-74.
ภานุวัฒน์ ศรีไชยเลิศ และอัครเดช พรหมชนะ. (2563). การพัฒนาการเรียนรู้แบบคอนสตรัคติวิสต์บนโมบายแอพพลิเคชันเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ). วารสารศึกษาศาสตร์สาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 4(3). 82-92.
รุจิรา เศารยะสกุล และศุภโชค สอนศิลพงศ์. (2564). การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันสำหรับการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงคำนวณ วิชาวิทยาการคำนวณ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 4(11). 177-191.
เรือนขวัญ พลฤทธิ์, อนิรุทธิ์ สติมั่น และสุรพล บุญลือ. (2564). การพัฒนาแอปพลิเคชั่นเพื่อการศึกษาร่วมกับกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน วิชาวิทยาการคำนวณ เรื่องการเขียนโปรแกรมภาษา Python ที่มีต่อความสามารถในการเขียนโปรแกรมและผลงานการเขียนโปรแกรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. 19(1). 345-366.
วิทวัฒน์ไชย ลุนวงษ์ และแสงเดือน คงนาวัง. (2565). การพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยีวิทยาการคำนวณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์. 7(2). 1580-1590.
ศิริพล แสนบุญส่ง. (2565). การพัฒนาเกมโมไบล์แอปพลิเคชันเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงคำนวณบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. วารสารเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา. 16(21). 65-78.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
หฤชัย ยิ่งประทานพร, สัญชัย พัฒนสิทธิ์ และไพฑูรย์ ศรีฟ้า. (2564). รูปแบบการเรียนแบบคอนเน็คติวิสซึมตามแนวคิดประสาทวิทยาศาสตร์ทางปัญญาบนแอปพลิเคชันเพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวลัยลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 15(2). 224-235.
โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์. (2566). การวิเคราะห์และออกแบบระบบ ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม (Systems Analysis and Design). กรุงเทพมหานคร: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
Downes, Stephen (2012). Connectivism and Connective Knowledge: essays on meaning and learning networks. From http://www.downes.ca/files/books/Connective_Knowledge-19May2012.Pdf Retrieved October 5, 2022.
Likert, R. (1961). New Pattern of Management. New York: McGraw – Hill.
Siemens, G. (2005). Connectivism: A learning theory for the digital age. International Journal of Instructional Technology & Distance Learning. 2. 3-10.