รูปแบบการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุขตามหลักบุพนิมิตแห่งมรรคของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุขตามหลักบุพนิมิตแห่งมรรคของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี 2) เพื่อพัฒนาและตรวจสอบความตรงของรูปแบบการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุขตามหลักบุพนิมิตแห่งมรรคของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี 3) เพื่อประเมินรูปแบบการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุขตามหลักบุพนิมิตแห่งมรรคของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี ใช้วิธีวิจัยผสมวิธีแบบพหุระยะ แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการสัมภาษณ์ คือ ผู้ทรงคุณวุฒิทางศึกษา ได้จากการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย ระยะที่ 2 การวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามเพื่อตรวจสอบความตรงของรูปแบบ กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน จำนวน 265 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติแบบบรรยาย สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน วิเคราะห์เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดลกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และวิเคราะห์ขนาดอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมด้วยโปรแกรม LISREL และระยะที่ 3 การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสนทนากลุ่ม โดยผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการบริหารสถานศึกษา จำนวน 9 รูป/คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา และประเมินรูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้น ด้วยการใช้แบบประเมินเพื่อตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อเรื่อง จำนวน 5 คน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าความถี่ ผลการวิจัยพบว่า 1) องค์ประกอบการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุขตามหลักบุพนิมิตแห่งมรรคของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี พบว่า องค์ประกอบที่แสดงความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) คุณลักษณะและคุณสมบัติของผู้เรียน (2) ความพร้อมการจัดการสอนของครูผู้สอน (3) สภาพแวดล้อมและบรรยากาศในการเรียนรู้ (4) บุพนิมิตแห่งมรรค (5) การเรียนรู้อย่างมีความสุข 2) การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุขตามหลักบุพนิมิตแห่งมรรคของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานีที่พัฒนาขึ้น มีองค์ประกอบที่เป็นปัจจัยสำคัญและมีความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ และผลที่จะนำไปสู่การเรียนรู้อย่างมีความสุขนั้น มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) คุณลักษณะและคุณสมบัติของผู้เรียน (2) ความพร้อมการจัดการสอนของครูผู้สอน (3) สภาพแวดล้อมและบรรยากาศในการเรียนรู้ (4) บุพนิมิตแห่งมรรค และ (5) การเรียนรู้อย่างมีความสุข และผลการตรวจสอบรูปแบบฯ ได้นำองค์ประกอบที่สำคัญต่างๆ มาวิเคราะห์ทางสถิติ โดยนำเสนอเป็นโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ มีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (Chi-square = 179.37, df = 128, p = 0.0518, GFI = 0.952, AGFI = 0.945, RMR = 0.191) มีค่าสัมประสิทธิ์พยากรณ์ (R-SQUARE) ของสมการโครงสร้างตัวแปรภายในแฝงของการเรียนรู้อย่างมีความสุข (LH) เท่ากับ 0.776 อธิบายความแปรปรวนของการเรียนรู้อย่างมีความสุขได้ ได้ร้อยละ 77.60 และยังพบว่า ตัวแปรบุพนิมิตแห่งมรรคเป็นตัวแปรส่งผ่านจากตัวแปรแฝงภายนอก ไปสู่ตัวแปรการเรียนรู้อย่างมีความสุข และ 3) การประเมินรูปแบบการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุขตามหลักบุพนิมิตแห่งมรรคของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี ผลการตรวจสอบพบว่า มีความเหมาะสม มีความถูกต้อง มีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ และสรุปองค์ความรู้จากการวิจัย คือ POSSIBLE Model
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
กมล โพธิ์เย็น. (2559). การจัดการเรียนรู้เพื่อนำความสุขสู่ผู้เรียน. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร. 13(2) 121-131.
ธนพล บรรดาศักดิ์, กนกอร ชาเวียง และนฤมล จันทรเกษม. (2560). ความสุขของการเรียนรู้ของนักศึกษาพยาบาล. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร. 5(1). 357-369.
ปรัศนี จิรวงศ์รุ่งเรือง. (2542). การเรียนรู้อย่างมีความสุข. วารสารวิชาการเทคโนฯ-ทับแก้ว. 23(1). 45.
พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). (2533). รุ่งอรุณของการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร: สหธรรมิกเชียงราย.
พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต). (2541). แง่คิดข้อสังเกตเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต). (2551). การเสริมสร้างคุณลักษณะเด็กไทย. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์สื่อและสิ่งพิมพ์แก้วเจ้าจอมมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
ลภัสรดา จูเมฆา และปกรณ์ ประจันบาน. (2559). การวิจัยและพัฒนาแบบประเมินการจัดการเรียนรู้อย่างมีความสุขของนิสิตครูในศตวรรษที่ 21. รายงานวิจัย. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน).
วิสิทธิ์ โรจน์พจนรัตน์. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพมหานคร: พัฒนาศึกษา.
ศันสนีย์ ฉัตรคุปต์. (2544). การเรียนรู้อย่างมีความสุข: สารเคมีในสมองกับความสุขและการเรียนรู้. กรุงเทพมหานคร: โฆสิตการพิมพ์.
ศิริวัฒนา พูลสวัสดิ์. (2547). การศึกษาสภาพปัจจุบันในการสอนที่สัมพันธ์กับการเรียนรู้อย่างมีความสุขของนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป์จันทบุรี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี.
สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน. (2566). ‘เรียน’ ให้สัมฤทธิ์ในยุคปฏิรูป. แหล่งที่มา https://shorturl.asia/T4tXL สืบค้นเมื่อ 20 ก.พ. 2566.
สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน. (2566). 5 อุปสรรคเรื่องเรียน ที่เป็นกับดักของเด็กยุคนี้. แหล่งที่มา https://shorturl.asia/KCefP สืบค้นเมื่อ 20 ต.ค. 2566.
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2566). แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2566 - 2570) ของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. แหล่งที่มา https://shorturl.asia/5djYO สืบค้นเมื่อ 24 ต.ค. 2566.
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2545). ทฤษฎีการเรียนรู้อย่างมีความสุข. กรุงเทพมหานคร: วัฒนาพานิช.
สุชาดา ไพอนนท์. (2559). ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาญี่ปุ่นของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.
Barnett, S.M. & Ceci, S. J. (2002). When and where do we apply what we learn? A taxonomy for far transfer. Psychological Bulletin. 128(4). 612 – 637.
Dweck, C., Walton, G. & Cohen, G. (2014). Academic tenacity: Mindsets and skills that promote long-term learning. Bill & Melinda Gates Foundation.
Gould BH, Brodie L, Carver F. & Logan P. (2015). Not just ticking all the boxes. Problem based learning and mental health nursing. A review. Nurse Education Today.
Murphy, M., Fryberg, S., Brady, L., Canning, E. & Hecht, C. (2021). Global mindset initiative paper 1. Growth mindset cultures and teacher practices.
Seligman, M., E., P. (2010). Flourish: Positive psychology and positive interventions. Tanner lectures on human values. Michigan: University of Michigan.