รูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบดุลยภาพตามหลักไตรสิกขา ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา

Main Article Content

อนิสา สังข์เจริญ
ระวิง เรืองสังข์
พีรวัฒน์ ชัยสุข

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นของการบริหารสถานศึกษาแบบดุลยภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 2) พัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบดุลยภาพ ตามหลักไตรสิกขาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 3) เสนอรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบดุลยภาพตามหลักไตรสิกขาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา การวิจัยนี้เป็นแบบผสานวิธี ได้แก่ การวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาหรือครู และกลุ่มผู้บริหาร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ได้จากการสุ่มอย่างง่าย จำนวน 397 คน เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม โดยวิเคราะห์ทางสถิติด้วยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีความต้องการจำเป็น การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิโดยเลือกเฉพาะเจาะจง 5 คน การสนทนากลุ่ม โดยผู้ทรงคุณวุฒิ 9 คน และการทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบดุลยภาพของผู้บริหารสถานศึกษาจากการสัมมนา จำนวน 30 คน เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แบบศึกษาเอกสาร แบบสัมภาษณ์ แบบสนทนากลุ่ม และคู่มือการใช้รูปแบบ ผลการวิจัย พบว่า 1) ความต้องการจำเป็นของการบริหารสถานศึกษาแบบดุลยภาพของผู้บริหารสถานศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และด้านที่มีความต้องการจำเป็นสูงสุด คือ ด้านการมีสุขภาพกายและจิตใจที่ดี 2) ผลจากการประเมินรูปแบบ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านความเป็นประโยชน์ ด้านความเหมาะสม ด้านความถูกต้อง ตามลำดับ และด้านความเป็นไปได้ อยู่ในระดับมาก จากการทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบดุลยภาพตามหลักไตรสิกขา มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ทุกด้าน 3) รูปแบบการบริหารสถานศึกษาดุลยภาพของผู้บริหารสถานศึกษา ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ (1) หลักการ กล่าวถึงความสำคัญของดุลยภาพในการปฏิบัติงานและหลักไตรสิกขา ที่นำไปพัฒนางานให้เกิดผลสัมฤทธิ์และความสุขในสถานศึกษา (2) วัตถุประสงค์ ให้ความสำคัญกับบุคลากรเพื่อให้มีความสุขในการปฏิบัติงาน (3) กระบวนการบริหารสถานศึกษาแบบดุลยภาพตามหลักไตรสิกขา ที่นำเสนอแนวทางการบริหารตามหลักของดุลภาพในการปฏิบัติงานบูรณาการกับหลักไตรสิกขา และ (4) การประเมินผล นำเสนอผลจากการนำรูปแบบไปทดลองใช้ด้วยการสัมมนา และจากการศึกษาได้เกิดองค์ความรู้ที่เป็นรูปแบบเชิงภาษา คือ H&M FRATS-Mcow ที่จะเป็นประโยชน์ในการบริหารสถานศึกษาต่อไป

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สังข์เจริญ อ. ., เรืองสังข์ ร. ., & ชัยสุข พ. . (2024). รูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบดุลยภาพตามหลักไตรสิกขา ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 11(1), 478–489. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/EDMCU/article/view/267588
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ทวีศักดิ์ ทองทิพย์. (2561). การบริหารสถานศึกษาโดยใช้หลักไตรสิกขาของโรงเรียนวัดพระบาทเขากระโดง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์. วารสาร Mahachulagajasara Journal. 8. 22-31.

ปัทมาวรรณ จินดารักษ์ และคณะ. (2562). สมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานกับความหลากหลายของกลุ่มวัย. วารสารนักบริหาร. 39(1). 1-11.

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต). (2546). รุ่งอรุณของการศึกษา เบิกฟ้าแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: พิมพ์สวย.

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2560). ศูนย์องค์กรสุขภาวะครอบครัว Happy Workplace. กรุงเทพมหานคร: แอทโฟร์พริ้นท์.

สุมานพ ศิวารัตน์. (2560). การพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยไตรสิกขา. วารสารสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ. 8(1). 36.

สุวารีศิริ ภู่เปี่ยมสินธุ. (2557). ดัชนีความสุขในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

Clark. (2001). Sue Campbell, Work cultures and work/family balance. Journal of Vocational Behavior. 58(3). 348-365

Hutton, A. (2005). The case for work/life balance: closing the gap between and policy practice. New Zealand: Hudson Highland Group.

Keeves. (1988). Educational research methodology, and measurement: An international handbook. Oxford. England: Pergamon Press.

Stufflebeam, D. L. (2022). CIPP evaluation model checklist: A tool for applying the CIPP Model to assess long-term enterprises. From http://www.wmich.edu Retrieved March 20, 2022.