รูปแบบการพัฒนาครูเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน: กรณีศึกษาศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านดอยแสง
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการพัฒนาครูเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 2) พัฒนารูปแบบการพัฒนาครูเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน: กรณีศึกษาศูนย์การเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านดอยแสง ใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 151 คน คือ ครูใหญ่ 24 คน และครู 127 คน โดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบประเมิน คู่มือการใช้รูปแบบ และแบบบันทึกข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันการพัฒนาครูเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในภาพรวมอยู่ในระดับน้อย ความต้องการพัฒนาครูเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) รูปแบบการพัฒนาครูเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน: กรณีศึกษาศูนย์การเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านดอยแสง ประกอบด้วย คือ 1) การศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการพัฒนาครู 2) เป้าหมายการพัฒนา 3) หลักสูตรการพัฒนา 4) วิธีการพัฒนา 5) การดำเนินการพัฒนา และ 6) การประเมินผลการพัฒนาครู ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนของครู ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย พร้อมที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
ธนาพล บัวคำโคตร. (2563). แนวทางพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 33. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพมหานคร: สุรีริยาสาส์น.
บุญสนอง พลมาตย์. (2545). การนำเสนอรูปแบบการพัฒนาบุคลากรประจำการในโรงเรียนประถมศึกษา สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี.
สมปรารถนา แสนแก้ว. (2552). ปัญหาและความต้องการพัฒนาบุคลากรในโรงเรียนที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร เขต 3. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.
อุทัย เลาหวิเชียร และคณะ. (2540). เอกสารการสอนชุดวิชา การบริหารงานบุคคล. พิมพ์ครั้งที่ 3. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
Krejcie, R.V. and Morgan, D.W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement. 30(30). 608.