การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการปฏิบัติ เรื่อง การปฏิบัติวิปัสสนา กรรมฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านหัวบึงทุ่ง “เขตการทางนครราชสีมาสงค์เคราะห์ ๓” จังหวัดนครพนม
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการปฏิบัติ เรื่อง การปฏิบัติวิปัสสนา
กรรมฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านหัวบึงทุ่ง “เขตการทางนครราชสีมาสงค์
เคราะห์ ๓” จังหวัดนครพนม มีวัตถุประสงค์ คือ ๑) เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการปฏิบัติ เรื่อง
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ด้านการปฏิบัติก่อนเรียนและ
หลังเรียน เรื่อง การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (ทดลอง) กลุ่มตัวอย่าง
ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ จำนวน ๓๕ คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ใน
การวิจัยได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการปฏิบัติ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ สถิติที่ใช้
ในการวิจัย ได้แก่ การหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการหาค่า t-test dependent
samples โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ
ผลการวิจัยพบว่า
๑. ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากกระบวนการตามขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ
เรื่อง การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โดยพิจารณาจากคะแนนเฉลี่ยของการทำใบงานระหว่างเรียน
เท่ากับ ๔๙.๒๙ ที่มีคะแนนเต็ม ๖๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๑๔ และแสดงว่าคือ E1 = ๘๒.๑๔
และค่าประสิทธิภาพหลังจากการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการปฏิบัติ เรื่อง การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ
ปฏิบัติ เรื่อง การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ไดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับ ๒๔.๐๓ จากคะแนน
เต็ม ๓๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๘๐.๑๐ แสดงว่า E2 = ๘๐.๑๐
๒. นักเรียนที่เรียนด้วยเรื่อง การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการปฏิบัติ เรื่อง การปฏิบัติ
วิปัสสนากรรมฐาน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการปฏิบัติหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้
Article Details
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร