การใช้วิธีสอนแบบอริยสัจสี่ในสาระพระพุทธศาสนา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านหลักร้อย จังหวัดนครราชสีมา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา
การใช้วิธีสอนแบบอริยสัจสี่ ในสาระพระพุทธศาสนา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้าน
หลักร้อย จังหวัดนครราชสีมา และศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยการใช้วิธีสอนแบบ อริยสัจสี่
ในสาระพระพุทธศาสนา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านหลักร้อย จังหวัดนครราชสีมา
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านหลักร้อย
จังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๐ จำนวน ๓๐ คน โดยการเลือกกลุ่มประชากร
แบบเจาะจง ๑ ชั้นเรียน มีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ วิธีสอนแบบอริยสัจสี่ ในสาระ
พระพุทธศาสนา หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ศาสนพิธี สาระการเรียนรู้ที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม
และแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน ๓๐ ข้อ
ผลการวิจัยพบว่า
๑. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบอริยสัจสี่ในสาระพระพุทธศาสนา นักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านหลักร้อย จังหวัดนครราชสีมา มีประสิทธิภาพ เนื่องจากผู้เรียน
เกิดความสนใจ ตื่นเต้นและมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระเป็นอย่างดี
๒. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยรวม จากการใช้วิธีสอนแบบ
อริยสัจสี่ ในสาระพระพุทธศาสนา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบ้านหลักร้อย จังหวัด
นครราชสีมา หน่วยการเรียนรู้เรื่อง ศาสนพิธี มีค่าเฉลี่ย ( xˉ ) = ๑๑.๒๗/๑๘.๑๓ เมื่อนำไปทดสอบ
หาค่า t – test พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ แสดงว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนโดยใช้วิธีสอนแบบอริยสัจสี่ ในสาระพระพุทธศาสนา หน่วยการเรียนรู้เรื่องศาสนพิธี หลังเรียน
สูงกว่าก่อนเรียน ผลการวิจัยโดยภาพรวม พบว่า การใช้วิธีสอนแบบอริยสัจสี่ในสาระพระพุทธศาสนา
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยให้ผู้เรียนได้
เรียนรู้และแก้ปัญหาด้วยตนเองอย่างเป็นระบบ ผู้เรียนสามารถพัฒนาการเรียนรู้และทักษะด้านต่างๆ
ได้เป็นอย่างดี
Article Details
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร