อนุปุพพิกถา : ภาพสะท้อนปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐชาติกับพระพุทธศาสนา
Main Article Content
บทคัดย่อ
จากการศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธศาสนากับรัฐชาติในประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ พบว่า ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพุทธศาสนากับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในสมัยรัชกาลที่ ๑-๓ มีลักษณะเป็นแบบศาสนากับสังคมพึ่งพาอาศัยกัน ต่อมาในรัชสมัยที่ ๔-๖ ลักษณะปฏิสัมพันธ์เริ่มเปลี่ยนไปในแบบที่สังคมส่งผลกระทบต่อศาสนาและสามารถกาหนดรูปแบบทิศทางของศาสนาได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่สังคมเผชิญกับความท้าทายทางความคิดและวิทยาการสมัยใหม่ ทาให้ต้องมีการปฏิรูปหรือตีความคาสอนเพื่อให้พระพุทธศาสนายังคงเป็นแกนหลักของคนในสังคมต่อไป ส่วนรัชสมัยที่ ๗ - ก่อนแผนฯเป็นยุคประชาธิปไตย / ชาตินิยม /ทุนนิยม อีกทั้งเกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง เกิดสงครามเย็น ภัยคอมมิวนิสต์ อาณาจักรควบคุมศาสนจักร เพื่อสร้างภาพความชอบธรรมในการปกครอง รัฐลดการสนับสนุนศาสนจักร การศึกษาสงฆ์มีปัญหา และไม่สามารถผลิตปราชญ์ทางพุทธศาสนา เพื่อเป็นผู้นาทางสติปัญญาแก่สังคมได้ ศาสนาในภาคส่วนขององค์กรและบุคคลากรมีความอ่อนแอลง แต่แก่นแท้ของหลักธรรมยังคงอยู่
เมื่อเข้าสู่ยุคปัจจุบันที่สังคมต้องเผชิญกับปัญหานานัปการที่เป็นผลกระทบมาจากการพัฒนาประเทศตามแนวระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรีนิยม ทาให้สังคมห่างเหินจากศาสนาเพราะชีวิตถูกผูกติดอยู่กับเรื่องของปากท้อง และให้ความสาคัญกับระบบเศรษฐกิจเป็นหลัก ทาให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธศาสนาเถรวาทกับสังคมจึงค่อนไปในลักษณะที่ศาสนาและสังคมไม่มีอิทธิพลต่อกันและกัน เมื่อกล่าวถึงปัจจุบันควรมีการนาหลักธรรมมาประยุกต์เพื่อสร้างเป็นแนวคิด “สังคมสวรรค์บนดิน” โดยมุ่งให้เกิดความมั่งคั่ง ๓ อย่างคือรวยภราดรภาพ รวยมิตรภาพ รวยทรัพยากรสาหรับการแบ่งปัน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร