การพัฒนาชุดทดลองการเคลื่อนที่ของวัตถุแบบกลิ้งเพื่อใช้ใน การสอนบรรยายแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธ
คำสำคัญ:
การเคลื่อนที่แบบกลิ้ง, การสอน, การสอนบรรยายแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธ์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้1. เพื่อพัฒนาชุดทดลองการเคลื่อนที่ของวัตถุแบบกลิ้งเพื่อใช้ในการสอนบรรยายแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธ์2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาทั้งก่อนและหลังเรียนของกลุ่มตัวอย่างทั้งภายในและระหว่าง (กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง) 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มทดลองต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยชุดทดลองการเคลื่อนที่ของวัตถุแบบกลิ้งเพื่อใช้ในการสอนบรรยายแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธ์กลุ่มตัวอย่างคือนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นปีที่1 ในรายวิชาฟิสิกส์ทั่วไปจำนวน 117คน (กลุ่มควบคุม 51คน และกลุ่มทดลอง66คน) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือชุดทดลองการเคลื่อนที่ของวัตถุแบบกลิ้งเพื่อใช้ในการสอนบรรยายแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธ์แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ ผลการวิจัยมีดังนี้1. ชุดทดลองการเคลื่อนที่ของวัตถุแบบกลิ้งเพื่อใช้ในการสอนบรรยายแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธ์โดยใช้รางสแตนเลสเพื่อความทนทาน พร้อมวัตถุกลิ้ง 4 ชิ้น 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของกลุ่มควบคุมไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05 ในกลุ่มทดลองมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05 และมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05 ของผลสัมฤทธิ์หลังเรียนระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง แสดงว่าชุดทดลองการเคลื่อนที่ของวัตถุแบบกลิ้งเพื่อใช้ในการสอนบรรยายแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธ์มีส่วนช่วยพัฒนาความรู้ผู้เรียน 3. ผู้เรียนให้ความพึงพอใจเฉลี่ยของกลุ่มทดลองในระดับมากในทุกข้อ (คะแนนเฉลี่ย 3.84) กับการจัดการเรียนการสอนด้วยชุดทดลองการเคลื่อนที่ของวัตถุแบบกลิ้งเพื่อใช้ในการสอนบรรยายแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธ์
References
เรื่อง อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยม
ศึกษาปีที่ 5. ใน การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 34
มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น. หน้า 1996- 2005.
พรรัตน์ วัฒนกสิวิชช์. (2555). การสาธิตประกอบการบรรยายเชิงปฏิสัมพันธ์. วารสารฟิสิกส์ไทย, 28(4),
หน้า 29-33.
มัทยาภรณ์ รังษีคาร และสาคร อัฒจักร. (2559). การพัฒนาการเรียนรู้แบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธ์โดยใช้
ชุดกิจกรรมเรื่องงานและพลังงานเพื่อส ่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และความฉลาด
ทางสังคมสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ปีที่ 10 (พิเศษ), หน้า 657-671.
รุจิรา ราชรักษ์ และโชคศิลป์ธนเฮือง. (2558). การพัฒนาแนวคิดวิทยาศาสตร์ของผู้เรียนเรื่องแรงและ
การเคลื่อนที่โดยใช้รูปแบบการสอนแบบบรรยายประกอบการสาธิตเชิงปฏิสัมพันธ์. ใน การประชุมทาง
วิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 53 ปี 2558. หน้า 389-395. กรุงเทพมหานคร :
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
วันเพ็ญ รังคพุทธมานะ. (2559). การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้แนวคิดของโพลยาร่วมกับการใช้เทคนิค
ผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5.
วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี. 10(1), หน้า 22-34.
ศรัณย์รัชต์ ศุภรณ์พานิช. (2556). การพัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดสร้างสรรค์ความรู้ร่วมกับการเรียน
แบบร่วมมือเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี. 7(2), หน้า 32-41.
สุระ วุฒิพรหม และฉวีวรรณ ชัยวัฒนา. (2554). การบรรยายเชิงปฏิสัมพันธ์วิชาฟิสิกส์ระดับมหาวิทยาลัย
เพื่อพัฒนาความเข้าใจแนวคิดเรื่องแม่เหล็กไฟฟ้า. วารสารหน่วยวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้. 2(1), หน้า 39-47.
Jewett, Jr. W., & Serway, R. A. (2010). Physics for Scientists and Engineers with Modern
Physics. 8th ed. USA : Brooks/Cole.
Mungan, C. E. (2012a). Conceptual and laboratory exercise toapply Newton’s second law to
a system of many forces. Physics Education. 47(3), pp. 274-287.
. (2012b). Rolling friction on a wheeled laboratory cart. Physics Education. 47(3),
pp. 288-292.
Mungan, C.E., & Emery, J.D. (2011). Rolling the Black Pearl over : Analyzing the physics of a
movie clip. Physics Teacher. 49, pp. 266-271.
Mungan, C.E., & Lipscombe,T.C. (2014). Dropping a particleoutof a roller coaster. European
Journal of Physics, 35(4), pp. 1-9.
Pejuan, A., Bohigas, X., Jaen, X., & Periago, C. (2012). Misconceptions about sound among
engineering students. Journal of Science Education and Technology. 21,
pp. 669-685.
Rimoldini, L.G., & Singh, C. (2005). Student understanding of rotatonal and rolling motion
concepts. Physical Review Special Topics–Physics Education Research. 1, pp. 1-9.
Risch, M. R. (2014). Investigation about representations used in teaching to prevent
misconceptions regarding inverse proportionality. International Journal of
STEM Education. pp. 1-4.
Jairuk, U. (2007). The use of interactive lecture demonstrations in force and motion
to teach high school–level physics. Master Thesis, Mahidol University.
Downloads
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2021 มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
![Creative Commons License](http://i.creativecommons.org/l/by-nc-nd/4.0/88x31.png)
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีและบุคลากรท่านอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว