การพัฒนาเครื่องมือและตรวจสอบคุณสมบัติทางจิตมิติของแบบวัดสมรรถนะระหว่างวัฒนธรรมรูปแบบออนไลน์สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายตามแนวคิดความต่อเนื่องของการพัฒนาระหว่างวัฒนธรรม: การวิเคราะห์โมเดลการให้คะแนนแบบลำดับขั้น และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาเครื่องมือและตรวจสอบคุณสมบัติทางจิตมิติของแบบวัดสมรรถนะระหว่างวัฒนธรรมสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายตามแนวคิดความต่อเนื่องของการพัฒนาระหว่างวัฒนธรรม ตัวอย่างวิจัยคือนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 604 คน เครื่องมือวิจัย คือ แบบวัดสถานการณ์วัดสมรรถนะระหว่างวัฒนธรรมตามแนวคิดความต่อเนื่องของการพัฒนาระหว่างวัฒนธรรม รูปแบบออนไลน์โดยใช้เว็บไซต์ SurveyMonkey วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาด้วยค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหา, การตรวจสอบค่าความเที่ยงแบบสอดคล้องภายในด้วยสูตรสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบราค (Cronbach’s coefficient), การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และการวิเคราะห์โดยใช้โมเดลการให้คะแนนแบบลำดับขั้น (Graded Response Model: GRM) ผลการวิจัยพบว่า (1) ข้อคำถาม มีความตรงตามเนื้อหาทุกข้อ (2) มีค่าความเที่ยงแบบความสอดคล้องภายในด้วยวิธีสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม (0.937) (3) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันพบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และ (4) ผลการวิเคราะห์เทรชโฮลด์พารามิเตอร์ (threshold; ) และค่าความชันร่วม (slope parameter;
) โดยใช้โมเดลการให้คะแนนแบบลำดับขั้นพบว่าแต่ละข้อมีการกระจายของผลการตอบที่หลากหลายในแต่ละระดับความสามารถ เมื่อพิจารณาค่าเทรชโฮลด์ทั้งหมด และค่าความชันร่วม (slope parameter;
) เป็นไปตามเกณฑ์ นั่นคือข้อคําถามมีความเหมาะสมและสามารถจำแนกความสามารถของผู้ตอบได้ในระดับดี และสามารถให้สารสนเทศของผู้สอบที่มีความสามารถปานกลางได้ดีที่สุด
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
Adams, R. J. (2005). Reliability as a measurement design effect. Studies in Educational Evaluation, 31, 162-172. https://doi.org/10.1016/j.stueduc.2005.05.008
Bennett, M. (1986). A developmental approach to training intercultural sensitivity. In J. Martin (Guest Eds.), Special issue on intercultural training. International Journal of Intercultural Relations, 10(2), 179–186.
Bennett, M. (2013) Basic concepts of intercultural communication: Paradigms, principles, & practices. Intercultural Press.
De Ayala, R. J. (2009). The Theory and Practice of Item Response Theory. The Guildford Press.
Ebel, R. L. (1972). Essentials of Educational Measurement. Prentice Hall.
Guzmána, E. V., Muschardb, B., Gerolamoa, M., Kohlb, H., & Rozenfeld, H. (2020). Characteristics and Skills of Leadership in the Context of Industry 4.0. Journal of Procedia Manufacturing, 43(1), 543-550.
Kerlinger, F. N. (1986). Foundations of Behavioral Research (3 ed.). Holt, Rinehart and Winston.
Polit, D. F., & Beck, C. T. (2017). Nursing research: Generating and assessing evidence for nursing practice (10th ed.). Lippincott Williams & Wilkins.
Banchong, P., Mutuwong, C., Ngoenbanrung, J., Mahantagai, P., & Lawthong, N. (2023). Psychometric Properties and Factor of Intercultural Competence Based on the Intercultural Development Continuum for Undergraduate Students. Journal of Education Studies, 51(4), 1-14. (in Thai)
Chantarasenanon, C. (2010). Development of a Cultural Competence Scale for Secondary School Students [Doctoral Dissertation]. Chulalongkorn University. (in Thai)
Kanjanawasee, S. (2013). Classical Test Theory (7th ed.). Chulalongkorn University Press. (in Thai)
Kanjanawasee, S. (2020). Modern test theories (5th ed.). Chulalongkorn University Press. (in Thai)
Masantiah, C. (2023). Developing a Digital Empathy Scale to Measure and Assess Upper Secondary School Students in the 21St Century: An Application of Item Response Theory. Journal of Educational Measurement Mahasarakham University, 29(2), 53-68. (in Thai)
Office of The National Education Commission. (2023). Educational statistics for academic year 2023. Office of the National Education Commission. http://www.bopp.go.th/?page_id=3544 (in Thai)
Ritjaroon, P. (2002). Measurement evaluation (2nd ed.). House of Kermyst Co.,Ltd. (in Thai)
Sakolkijrungroj, S. (2017). Polytomous Item Response Theory Models for Affective Variables. Sukhothai Thammathirat Open University. https://www.stou.ac.th/offices/ore/info/cae/viewkb.aspx?id=291 (in Thai)
Suksawang, P. (2013). The Basics of Structural Equation Modeling. Princess Naradhiwas University Journal, 6(2), 136-145. (in Thai)
Tangdhanakanond, K. (2018). Development of a process to change teachers’ misconception in using portfolio for elementary school student assessment [Complete Research Report]. Thailand Science Research and Inovation. (in Thai)
Thepsathit, P., Jongsooksai, P., Bowornthammarat, P., Saejea, S., & Chaimongkol, N. (2022). Data Analysis in Polytomous Item Response Theory Using R. Journal of Educational Measurement Mahasarakham University, 28(2), 13-26. (in Thai)
Vanichbuncha, K. (2012). Statistical analysis for research (6th ed.). Chulalongkorn University Press. (in Thai)
Wiratchai, N. (2005). LISREL modeling Statistics analysis for Research (3rd ed.). Chulalongkorn University Press. (in Thai)
