การจัดคลังข้อสอบจำแนกตามเนื้อหาและระดับความยากของข้อสอบ : โดยใช้ทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ

Main Article Content

สุรชัย รักสมบัติ
ปิยะทิพย์ ประดุจพรม
กนก พานทอง

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์คุณภาพข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1  ตามหลักการทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ แบบ 3 พารามิเตอร์ และจัดคลังข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 1 จำแนกตามเนื้อหาและระดับความยาก วิธีการดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ 1) วิเคราะห์คุณภาพข้อสอบตามหลักการทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ แบบ 3 พารามิเตอร์ 2) จำแนกระดับความยากของข้อสอบตามค่าพารามิเตอร์ความยากของข้อสอบ 3) ประเมินความตรงเชิงโครงสร้างและพฤติกรรมที่วัดของข้อสอบ และ 4) จัดคลังข้อสอบจำแนกตามเนื้อหาและระดับความยากของข้อสอบ


ผลการวิจัยพบว่า


1. ข้อสอบที่ผ่านเกณฑ์การวิเคราะห์คุณภาพข้อสอบตามหลักการทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบแบบ 3 พารามิเตอร์ มีค่าพารามิเตอร์ความยาก ตั้งแต่ -1.19 ถึง 2.49 (Mean = 1.20, SD = 0.81) ค่าพารามิเตอร์อำนาจจำแนกของข้อสอบ ตั้งแต่ 0.51 ถึง 2.42 (Mean = 1.15, SD = 0.40) ค่าพารามิเตอร์การเดาของข้อสอบ ตั้งแต่ 0.08 ถึง 0.30 (Mean = 0.23, SD = 0.03)


2. ข้อสอบที่ผ่านเกณฑ์การวิเคราะห์คุณภาพจำแนกเป็น 3 ระดับ ดังนี้ ง่าย ปานกลาง และยาก ระดับแรก ข้อสอบที่มีค่าพารามิเตอร์ความยากของข้อสอบตั้งแต่ -1.19 ถึง 0.50 เป็นข้อสอบที่ง่าย ระดับที่สอง ข้อสอบที่มีค่าพารามิเตอร์ความยากของข้อสอบตั้งแต่ 0.51 ถึง 1.50 เป็นข้อสอบปานกลาง และระดับสุดท้าย ข้อสอบที่มีค่าพารามิเตอร์ความยากของข้อสอบตั้งแต่ 1.51 ถึง 2.49 เป็นข้อสอบที่ยาก


3. ข้อสอบผ่านเกณฑ์การประเมินความตรงเชิงโครงสร้างและด้านพฤติกรรมที่วัด มีความตรงเชิงโครงสร้าง (Mean = 4.69, SD = 0.12) และพฤติกรรมที่วัด (Mean = 4.76, SD = 0.10) โดยรวมมีความสอดคล้องอยู่ในระดับมากที่สุด


4. คลังข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำแนกตามเนื้อหาและระดับความยากของข้อสอบ มีจำนวนข้อสอบทั้งหมด 345 ข้อ (ข้อสอบที่นำมาใช้ในการวิจัยทั้งสิ้น 480 ข้อ) จำแนกได้ 3 สาระ คือ สาระที่ 1 จำนวนและพีชคณิต มีจำนวน 238 ข้อ (ข้อสอบที่ง่าย 32 ข้อ ข้อสอบปานกลาง 105 ข้อ และข้อสอบที่ยาก 101 ข้อ) สาระที่ 2 การวัดและเรขาคณิต มีจำนวน 80 ข้อ (ข้อสอบที่ง่าย 20 ข้อ ข้อสอบปานกลาง 32 ข้อ และข้อสอบที่ยาก 28 ข้อ) และสาระที่ 3 สถิติและความน่าจะเป็น มีจำนวน 27 ข้อ (ข้อสอบที่ง่าย 6 ข้อ ข้อสอบปานกลาง 10 ข้อ และข้อสอบที่ยาก 11 ข้อ)

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

ขนิษฐา ราศรี และประภาพร ศรีตระกูล. (2553). การสร้างแบบทดสอบวัดการคิดวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่นเขต 4. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 33(4), 60-70.

จารุจิตร สิทธิปรุ, ปิยะทิพย์ ตินวร และโสฬส สุขานนท์สวัสดิ์. (2559). การพัฒนาโปรแกรมการทดสอบแบบปรับเหมาะด้วยคอมพิวเตอร์สำหรับการจัดสอบ O-NET ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 22(1), 47-62.

จิตติรัตน์ แสงเลิศอุทัย. (2560). คุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย. วารสารวิจัยและพัฒนาหลักสูตร, 7(1), 1-15.

ญานิศรา มุนินทร์สาคร. (2558). การพัฒนาโปรแกรมการทดสอบแบบปรับเหมาะด้วยคอมพิวเตอร์สำหรับการจัดสอบ O-NET ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวัดและเทคโนโลยีทางวิทยาการปัญญา วิทยาลัยวิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา มหาวิทยาลัยบูรพา.

นุภาพรรณ ปลื้มใจ, ปิยะทิพย์ ตินวร และโสฬส สุขานนท์สวัสดิ์. (2558). การพัฒนาโปรแกรมการทดสอบแบบปรับเหมาะด้วยคอมพิวเตอร์สำหรับการจัดสอบ O-NET ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. วิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา, 13(2), 109-125.

ศศิธร จันทรมหา. (2560). การสร้างข้อสอบอัตโนมัติวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวัดและเทคโนโลยีทางวิทยาการปัญญา วิทยาลัยวิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา มหาวิทยาลัยบูรพา.

สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน). (2562). NIETS News. วารสารจดหมายข่าวสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน), (75), 1-8.

สุชาดา กรเพชรปาณี, ปิยะทิพย์ ตินวร และโสฬส สุขานนท์สวัสดิ์. (2559). การพัฒนาโปรแกรมการทดสอบแบบปรับเหมาะด้วยคอมพิวเตอร์สำหรับการจัดสอบ O-NET. วิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา, 14(1), 14-31

สุนันทา ศิริเบญจา, ไชยรัตน์ ปราณี และดวงใจ สีเขียว. (2556). การพัฒนาแบบทดสอบปรับเหมาะโดยใช้คอมพิวเตอร์ สาระเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยประมาณค่าความสามารถของผู้สอบด้วยวิธีของเบส์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารวิชาการและวิจัยสังคมศาสตร์, 8(22), 87-102.

เอื้อมพร หลินเจริญ, สิริศักดิ์ อาจวิชัย และภีรภา จันทร์อินทร์. (2552). ปัจจัยเชิงสาเหตุที่ทำให้คะแนนการทดสอบ O-NET ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ต่ำ. กรุงเทพฯ: สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน).

Anderson, L. W., Krathwohl, D. R., Airasian, P. W., Cruikshank, K. A., Mayer, R. E., Pintrich, P. R. & Wittrock, M. C. (2001). A taxonomy for learning, teaching, and assessing: A revision of Bloom’s taxonomy of educational objectives, abridged edition. White Plains, NY: Longman.

Thomas, C. A. (2016). A Comparison of Traditional Test Blueprinting to Assessment Engineering in a Large Scale Assessment Context. Ph.D. Dissertation, The Graduate School, The University of North Carolina at Greensboro, U.S.A.

Urry, V. W. (1977). Tailored Testing: A Successful Application of Latent Trait Theory. Journal of Education Measurement, 14(2), 181-196.

Wiersma, W., & Jurs, S. (1990). Educational measurement and testing. Needham Heights, MA: Allyn and Bacon.