ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อการกํากับตนเองในการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดมหาสารคาม : การวิเคราะห์กลุ่มพห
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายดังนี้ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อต่อการกํากับ
ตนเองในการเรียนของนักเรียน 2) พัฒนาแบบจําลองปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อการกํากับตนเองใน
การเรียนของนักเรียน 3) ทดสอบความไม่แปรเปลี่ยนของแบบจําลองปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อการ
กํากับตนเองในการเรียนของนักเรียน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
จํานวน 390 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จํานวน 420 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
จํานวน 391 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบวัดการกํากับ
ตนเองในการเรียน แบบวัดการรับรู้ความสามารถของตน แบบวัดเป้าหมายในการเรียน แบบวัดแรงจูงใจ
ใฝ่สัมฤทธิ์ แบบวัดการเห็นคุณค่าในตนเอง แบบวัดการอบรมเลี้ยงดู และแบบวัดความวิตกกังวล มีค่า
ความเที่ยงแต่ละฉบับเท่ากับ .898, .901, .853, .929, .876, .822 และ .864 ตามลําดับ การวิเคราะห์
ข้อมูลใช้เทคนิคการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างกลุ่มพหุ
ผลการวิจัยพบว่า โมเดลที่พัฒนาขึ้น มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยพิจารณา
จาก χ 2 = 251.630, df = 265, p = .713, CFI = 1.000, GFI = .984, AGFI = .980, RMSEA =
.000, RMR = .066 และ χ 2 /df = .950 ตัวแปรในโมเดลทั้งหมดสามารถอธิบาย ความแปรปรวนของ
การกํากับตนเองในการเรียน (REG) ได้ร้อยละ 76.30 โดยตัวแปรที่มีอิทธิพลทางตรง คือ ตัวแปรการ
รับรู้ความสามารถของตนเอง (SEF) ตัวแปรที่มีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อม คือ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์
(MOT) การอบรมเลี้ยงดู (PAR) และความวิตกกังวล (ANX) และตัวแปรที่มีตัวแปรที่มีอิทธิพลทางอ้อม
คือ เป้าหมายในการเรียน (GOA) และการเห็นคุณค่าในตนเอง (SES) และโมเดลปัจจัยเชิงสาเหตุที่มี
อิทธิพล ต่อการกํากับตนเองในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดมหาสารคาม ไม่
แปรเปลี่ยน ด้านรูปแบบและพารามิเตอร์ในโมเดล
โดยสรุป ผู้บริหาร ครูผู้สอน ผู้ปกครอง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนมีส่วนในการ
พัฒนาให้นักเรียนมีการกํากับตนเองในการเรียน โดยการพัฒนาการรับรู้ความสามารถของตนเอง
แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การอบรมเลี้ยงดู ความวิตกกังวล เป้าหมายในการเรียน และการเห็นคุณค่าในตนเอง
ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนมีการกํากับตนเองในการเรียนของนักเรียนมากยิ่งขึ้นอันจะเป็นประโยชน์ต่อการ
พัฒนาประเทศต่อไป
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น