การพัฒนาแบบวัดทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณในรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบ และพฤติกรรมบ่งชี้ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) พัฒนาและตรวจสอบคุณภาพแบบวัดทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ 3) พัฒนาจุดตัดคะแนนทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การวิจัยเชิงออกแบบ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจริง เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่กำหนดโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน จำนวน 500 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบวัดทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน การวิเคราะห์ข้อมูลตามทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม และทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ
ผลการวิจัยพบว่า
1. การสังเคราะห์องค์ประกอบในการวัดทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ได้องค์ประกอบของทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ด้านการระบุปัญหา 2) ด้านการระบุสมมติฐาน 3) ด้านการรวบรวมข้อมูล 4) ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล และ 5) ด้านการลงข้อสรุป
2. คุณภาพของแบบวัดทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณในรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่าการตรวจสอบคุณภาพก่อนนำไปใช้ด้วยทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม พบว่ามีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์ เท่ากับ 1 จำนวน 40 ข้อ และเมื่อตรวจสอบคุณภาพหลังจากนำไปใช้ตามทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ พบว่า ค่าพารามิเตอร์อำนาจจำแนก (ai) มีค่าอยู่ระหว่าง 0.39 – 5.03 ค่าพารามิเตอร์ความยากของข้อสอบ (bi) มีค่าอยู่ระหว่าง -1.29 - 5.14 และสัมประสิทธิ์การเดา (ci) มีค่าอยู่ระหว่าง 0.13 - 0.27
3. ผลการพัฒนาจุดตัดคะแนนจากการพิจารณาความกลมกลืนของโมเดล พบว่า โมเดลที่มีจำนวนกลุ่มแฝง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสูง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มต่ำ เป็นโมเดลที่มีความเหมาะสมและมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์การพิจารณามากที่สุด (Likelihood = -11858.198, df = 378, AIC= 23960.395, BIC = 24474.578, Adj.BIC = 24087.342, Ek = 0.846) โดยมีคะแนนจุดตัด เท่ากับ 23.7 (แบ่งกลุ่มสูงและกลุ่มปานกลาง ออกจากกัน) และ 16.1 (แบ่งกลุ่มปานกลางและกลุ่มต่ำออกจากกัน)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
Davis, L. L. (1992). Instrument review: Getting the most from your panel of experts. Applied Nursing Research, 5(4), 194–197. https://doi.org/10.1016/S0897-1897(05)80008-4
Ennis, R. H., & Millman, J. (1985). Cornell Critical Thinking Test, Level X. Midwest Publications.
Glass, G. V. (1978). Standards and criteria. Journal of Educational Measurement, 15(4), 243–257.
Hooper, D., Coughlan, J., & Mullen, M. R. (2008). Structural equation modelling: Guidelines for determining model fit. Electronic Journal of Business Research Methods, 6(1), 53–60.
Millman, J. (1973). Passing scores and test length for domain-referenced measures. Review of Educational Research, 43(2), 205–216. https://doi.org/10.3102/00346543043002205
Schumacker, R. E., & Lomax, R. G. (2004). A beginner’s guide to structural equation modeling (2nd ed.). Lawrence Erlbaum Associates.
Watson, G., & Glaser, E. M. (1980). Watson-Glaser Critical Thinking Appraisal, Forms A and B manual. The Psychological Corporation.
Yamane, T. (1973). Statistics: An introductory analysis (3rd ed.). Harper & Row.
Kammanee, T. (2018). Teaching theory: Knowledge for organizing effective learning processes. Chulalongkorn University. (in Thai)
Kanjanawasee, S. (2013). Classical test theory (7th ed.). Chulalongkorn University Press. (in Thai)
Kanjanawasee, S. (2020). Modern test theory (5th ed.). Chulalongkorn University Press. (in Thai)
Malingam, C. (2015). A development of scientific mild scale for lower secondary school students: Application of latent class analysis for establishing cut scores [Master’s thesis]. Chulalongkorn University. (in Thai)
Wonggom, J. (2009). Critical thinking ability and learning achievement in science subject for grade 7 students on the property and separation of substances by inquiry cycle [Master’s thesis]. Khon Kaen University. (in Thai)