ผลการประเมินโดยใช้วิธีการสะท้อนคิดที่แตกต่างกันต่อการแก้ปัญหาแบบร่วมมือ และคุณภาพผลงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาแบบร่วมมือของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ได้รับการจัดกิจกรรมการประเมินตนเองโดยใช้วิธีการสะท้อนคิดที่แตกต่างกัน 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาแบบร่วมมือของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นก่อนและหลังการทำกิจกรรมโดยใช้วิธีการสะท้อนคิดที่แตกต่างกัน 3)เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพผลงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ได้รับการจัดกิจกรรมการประเมินตนเองโดยใช้วิธีการสะท้อนคิดที่แตกต่างกัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนดงกลางพัฒนศึกษา อำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 42 คน โดยใช้วิธีคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) โดยนักเรียนในกลุ่มทดลองจะได้รับ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ 1) แบบวัดความสามารถการแก้ปัญหาแบบร่วมมือ 2) แบบประเมินคุณภาพผลงานนักเรียน โดยใช้เกณฑ์ให้คะแนนรูบริคส์แบบแยกองค์ประกอบ 3) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การแก้ปัญหาแบบร่วมมือจำนวน 3 แผนๆละ 4 ชั่วโมง รวม 12 ชั่วโมง 4) การประเมินตนเองโดยการใช้มาตรประมาณค่า (rating scale) สอบถามปลายเปิด (open-ended questionnaire) และการประเมินตนเองโดยใช้อนุทิน (journal) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย สถิติทดสอบ Wilcoxon matched-pairs signed-rank test และ Kruskal–Wallis test
ผลการวิจัยพบว่า
1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ได้รับการประเมินตนเองโดยใช้วิธีการสะท้อนคิดที่แตกต่างกัน มีความสามารถในการแก้ปัญหาแบบร่วมมือ ไม่แตกต่างกัน
2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ได้รับการประเมินตนเองโดยใช้วิธีการสะท้อนคิดที่แตกต่างกัน มีความสามารถในการแก้ปัญหาแบบร่วมมือก่อนและหลังทำกิจกรรมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยนักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาแบบร่วมมือหลังทำกิจกรรมสูงกว่าก่อนทำกิจกรรม
3) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ได้รับการจัดกิจกรรมการประเมินตนเองโดยใช้วิธีการสะท้อนคิดที่แตกต่างกัน มีคุณภาพผลงานแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยนักเรียนที่ได้รับกิจกรรมการเรียนการสอนร่วมกับการประเมินตนเองโดยใช้แบบสอบถามปลายเปิด (open-ended questionnaire) มีคะแนนคุณภาพผลงานสูงกว่า การประเมินตนเองโดยการใช้มาตรประมาณค่า (rating scale) และการประเมินตนเองโดยใช้อนุทิน (journal) ตามลำดับ
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
โครงการ PISA ประเทศไทย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2556). ผลการประเมิน PISA 2012 การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ บทสรุปเพื่อการบริหาร. กรุงเทพฯ: อรุณการพิมพ์.
ชมพูนุช จันทร์แสง. (2554). ผลของการประเมินตนเองโดยใช้วิธีการสะท้อนคิดที่แตกต่างกันที่มีต่อความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (วิทยานิพนธ์ปริญญา ครุศาสตรมหาบัณฑิต), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นิดา ชาญบรรยง. (2555). สถิติการวางแผนการทดลอง (เอกสารประกอบการสอน). ภาควิชาสถิติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ปรณัฐ กิจรุ่งเรือง. (2560).การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้กรณีศึกษาทางศาสตร์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษาวิชาชีพครู. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ปารมี ตีรบุลกุล. (2557). อิทธิพลของการปฏิบัติงานแบบสะท้อนคิดและความสามารถด้านการนิเทศที่มีต่อการวิจัย ปฏิบัติการในชั้นเรียนของนิสิตนักศึกษา ครูโดยมีการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์เป็นตัวแปรส่งผ่าน (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อวยพร เรืองตระกูล และสุนทรพจน์ ดำรงพานิช. (2551). การประเมินตนเองเพื่อการพัฒนา. เติมเต็มความรู้ :รู้คิด-รู้ทำ, 1-26.
Griffin, P., McGaw, B., & Care, E. (Eds.). (2012). Assessment and teaching of 21st century skills. Dordrecht: Springer.
Heilenman, L.K. (1990). Self-assessment of second language ability: The role of response effects. Language Testing, 7(2), 174-201.
Kemery, E. R., & Stickney, L. T. (2013). A multifaceted approach to teamwork assessment in an undergraduate business program. Journal of Management Education, 38(3), 462-479.
Strough, J., Berg, C. A., & Meegan, S. P. (2001). Friendship and gender differences in task and social interpretations of peer collaborative problem solving. Social Development, 10(1), 1–22.
OECD. (2013). PISA 2015: Draft collaborative problem solving framework. Paris: OECD.
Ohland, M. W., Layton, R. A., Loughry, M. L., & Yuhasz, A. G. (20012). Effects of behavioral anchors on peer evaluation reliability. Journal of Engineering Education, 94, 319-326.