ปัจจัยการตลาดในการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำเร็จรูปของผู้สูงอายุในเขตภาคกลาง
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยการตลาดและพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำเร็จรูปของผู้สูงอายุในเขตภาคกลาง โดยเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลคือแบบสอบถามประเภทปลายปิด โดยเลือกสุ่มตัวอย่างจากจังหวัดในภาคกลางที่มีประชากรผู้สูงอายุมากที่สุด 6 จังหวัด ได้กลุ่มตัวอย่าง 400 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 60 -65 ปี อาชีพว่างงาน/พ่อบ้าน แม่บ้าน/เกษียณ ระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 บาทขึ้นไป ผลการวิจัยพบว่า ด้านพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีความถี่ในการซื้อเฉลี่ยน้อยกว่า 1 ครั้ง/เดือน มีค่าใช้จ่ายในการซื้อต่อครั้งน้อยกว่า 500 บาท มีประเภทของสินค้าที่ซื้อคือแคลเซียม มีเหตุผลที่สำคัญที่สุดในการซื้อคือต้องการมีสุขภาพดี / ป้องกันโรค มีแหล่งที่ซื้อคือห้างสรรพสินค้า/ซุปเปอร์มาร์เก็ต และมีบุคคลที่มีอิทธิพลในการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำเร็จรูปคือตนเอง ด้านปัจจัยการตลาดในการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พบว่า ด้านผลิตภัณฑ์มีระดับความคิดเห็นสูงสุด โดยมีความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.38 รองลงมาคือด้านช่องทางการจัดจำหน่ายโดยมีความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.37 ต่อมาคือด้านการส่งเสริมการตลาดโดยมีความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก มีค่าเฉลี่ย 4.14 และด้านราคามีความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก มีค่าเฉลี่ย 4.14 จากการทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติ t-test และ One-way ANOVA พบว่า ผู้สูงอายุที่มีการศึกษา รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ความถี่ในการซื้อ และค่าใช้จ่ายในการซื้อต่างกัน จะมีระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยการตลาดในการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำเร็จรูปต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
Article Details
วารสารบริหารธุรกิจมีทั้งเเบบวารสารออนไลน์เเละวารสารเล่มฉบับ
** บทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในวารสารบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ฉบับนี้ เป็นความคิดเห็นเฉพาะผู้เขียนบทความแต่ละท่าน กองบรรณาธิการวารสารบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดเสรีด้านความคิดและไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของ
กองบรรณาธิการ **
** บทความที่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารฉบับนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของคณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอกบทความแต่ต้องอ้างอิงแสดงที่มาของวารสารที่นำไปคัดลอกให้ชัดเจน**
เอกสารอ้างอิง
[2] Zion Market Research. (2017). Dietary Supplements Market by Ingredients (Botanicals, Vitamins, Minerals, Amino Acids, Enzymes) for Additional Supplements, Medicinal Supplements and Sports Nutrition Applications - Global Industry Perspective, Comprehensive Analysis and Forecast, 2016 – 2022. New York: Zion Market Research.
[3] มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย. (2562). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. ๒๕๖๑. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย.
[4] สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2561). การสำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากร พ.ศ.2560. กรุงเทพฯ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ.
[5] กัลยา วานิชย์บัญชา. (2544). หลักสถิติ (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
[6] พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2538). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒประสานมิตร.
[7] กัลยา วานิชย์บัญชา. (2546). การใช้ SPSS for Windows ในการวิเคราะห์ข้อมูล (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
[8] สวงค์ เศวตวัฒนา. (2560). ปัจจัยการตลาดอาหารเสริมผู้สูงอายุในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี. วารสารวิชาการสถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ, 3 (1), 323-333.
[9] เสกสรร วีระสุข และ วรางคณา อดิศรประเสริฐ. (2557). พฤติกรรมผู้บริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินในกรุงเทพมหานคร. วารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ, 5 (1), 65-79.
[10] เยาวภา จันทร์พวง. (2557). ลักษณะรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุ และการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินในประเทศไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). นครราชสีมา: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.
[11] กระทรวงสาธารณสุข. (2558). บทบาทผู้สูงอายุต่อสังคม ครอบครัว ชุมชน. สืบค้นเมื่อ 7 ธันวาคม 2563. จาก http://hp.anamai.moph.go.th/soongwai/statics/about/soongwai/topic006.php.