การรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วอุตสาหกรรมของพนักงานฝ่ายผลิตโรงงานน้ำตาลทรายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

Main Article Content

wichai khrutchan

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาถึงระดับการรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วของพนักงานฝ่ายผลิตในโรงงานน้ำตาลทรายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดกับการรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วของพนักงานฝ่ายผลิตในโรงงานน้ำตาลทรายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (3) เปรียบเทียบระดับการรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วของพนักงานฝ่ายผลิตในโรงงานน้ำตาลทรายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล


      การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือ พนักงานในฝ่ายผลิตของโรงงานน้ำตาลทรายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 19 โรงงาน พนักงานฝ่ายผลิตทั้งสิน 3,460 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างได้จำนวนทั้งสิ้น 359 โรงงาน ตามสูตรของทาโร่ ยามาเน่ โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่    ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การทดสอบความแปรปรวนทางเดียว การทดสอบแตกต่างเป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุดและสัมประสิทธิสหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน


      ผลการวิจัยพบว่า (1) ระดับการรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีระดับการรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วอยู่ในระดับมาก 3 ด้านคือ ด้านชื่อเสียงตราสินค้า ด้านเอกลักษณ์ความแตกต่างตราสินค้า และด้านการสนับสนุนตราสินค้า (2) ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในภาพรวมมีความสัมพันธ์กับภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วอุตสาหกรรม เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีเพียงความคิดเห็นต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีความสัมพันธ์กับภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05 ส่วนในด้านผลิตภัณฑ์  ด้านราคา และด้านการส่งเสริมการตลาด ไม่มีความสัมพันธ์กับการรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วอุตสาหกรรม และ (3) ฝ่ายผลิตในโรงงานน้ำตาลทรายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่งหน้าที่และประสบการณ์ทำงานแตกต่างกันมี ระดับการรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05


 

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
khrutchan, wichai. (2020). การรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าวาล์วอุตสาหกรรมของพนักงานฝ่ายผลิตโรงงานน้ำตาลทรายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, 10(1), 112–130. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fam/article/view/242316
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

1. กัลยา วานิชย์บัญชา.(2546). การใช้ SPSS for Windows ในการวิเคราะห์ข้อมูล.กรุงเทพมหานคร: บริษัท ธรรมสาร จำกัด.
2. กินรี อินต๊ะและโรจนา ธรรมจินดา.(2558). การรับรู้ภาพลักษณ์ของผู้บริโภคต่อร้านหมูกระทะบุฟเฟต์ ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่.วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจ, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
3. โกศล น่วมบาง .(2559). ปัยจัยของการรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าที่มีผลต่อคุณค่าตราสินค้าของจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพมหานคร. ปรัชญาดุษฎีบัญฑิต สาขาวิชาการจัดการ.มหาวิทยาลัยศิลปากร
4. จิระภรณ์ ตันติชัยรัตนกุล. (2560). การจัดการการเงิน การตลาด และการดำเนินงาน. ในประมวลสาระชุดการ การจัดการการเงิน การตลาด และการดำเนินงาน หน่วยที่ 8 (หน้า 41). นนทบุรี: สาขาวิชาวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
5. จุลภา กาญจนวิสุทธิ์. (2554). ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการที่มีผลต่อลูกค้าในอำเภอเมืองสมุทรสาครในการตัดสินใจซื้อรถจักรยานยนต์ฮอนด้าระบบหัวฉีดพีจีเอ็ม - เอฟไอ. การค้นคว้าอิสระ ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารธุรกิจ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
6. ซาฟุเราะห์ สาเฮาะ.(2558). การรับรู้ภาพลักษณ์สินค้าของที่ระลึกจังหวัดสตูล.วิทยานิพนธ์ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการจัดการการท่องเที่ยว, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
7. ปัทม์พงษ์ ขำเกิด. 2551. ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
8. ศิวบูรณ์ ธนานุกูลชัย. (2554). ภาพลักษณ์ตราสินค้ามีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองค่ายญี่ปุ่นของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
9. ศิวฤทธ์ พงศกรรังศิลป์. (2555). หลักการตลาด.กรุงเทพฯ: บริษัท สานักพิมพ์ท้อป จำกัด.
10. ศิริวรรณ เสรีรัตน์. 2542. การบริหารเชิงกลยุทธ์. กรุงเทพมหานคร: บริษัท ธีรฟิล์มและไซเท็กซ์ จำกัด.
11. ศิริชัย พงษ์วิชัย. (2556). การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยคอมพิวเตอร์. (พิมพ์ครั้งที่ 24). กรุงเทพมหานคร: บริษัท วี.พริ้นท์ (1991).
12. ศุภร เสรีรัตน์. 2540. พฤติกรรมผู้บริโภค. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ดอกหญ้า.
13. สุพานี สฤษฎ์วานิช. 2553. การบริหารเชิงกลยุทธ์แนวคิดและทฤษฎี. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
14. สุวมิล สุวรรณี. (2556). ผลกระทบของการประชาสัมพันธ์การตลาดเชิงกลยุทธ์ที่มีต่อภาพลักษณ์องค์กรของธุรกิจโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
15. สุภาวี เผือกเชาไวย .(2559). การเปรียบเทียบการรับรู้ภาพลักษณ์ตราสินค้าระหว่างรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ยี่ห้อนิสสันกับยี่ห้อซูซูกิ ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจ มหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
16. สุดาพร กุณฑลบุตร. (2557). หลักการตลาด...สมัยใหม่. กรุงเทพฯฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
17. สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม. 2559. www.ocsb.go.th, 2 ตุลาคม 2559.
18. เอกก์ ภัทรธนกุล. (2556). อัจฉริยะการตลาด. กรุงเทพฯ: คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
19. อภิชัจ พุกสวสัดิ์. (2556). การประชาสัมพันธ์เพื่อการสร้างภาพลักษณ์. (พิมพ์ครั้งที่ 2) กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
20. Abdullah Alhaddad. (2015). “A STRUCTURAL MODEL OF THE RELATIONSHIPS BETWEEN BRAND IMAGE, BRAND TRUST AND BRAND LOYALTY. ” International Journal of Management Research, 1, 137-144.
21. George B., & Scott S. (2013). Principles of human resources management. Canada: Nelson Education.
22. Gitman, L. J., & Carl M. (2008). The Future of Business: The Essentials (4 th.ed.). Ohio: South Western Cengage Learning.
23. Kotler, P., and Keller, K. L.(2012). Marketing Management. 14th ed. USA: Prentice Hall.
24. Mullins, J. W., & Walker, O. C. (2013). Marketing Management A Strategic Decision-Making Approach. McGraw-Hill Education, New York, NY.
25. Shamim Akhtar. (2017). “Impact of Brand Image on the Profitability of Firm, Analysis of Nestle Company Pakistan.” School of Management, Jiangsu University, Zhenjiang, P. R. China.