การเจริญสติที่มีผลต่อการตระหนักรู้ในตนเองตามแนวพุทธจิตวิทยาของผู้เข้าปฏิบัติธรรม การเจริญสติที่มีผลต่อการตระหนักรู้ในตนเองตามแนวพุทธจิตวิทยาของผู้เข้าปฏิบัติธรรม
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ ๑) เพื่อศึกษาแนวคิดการเจริญสติและการตระหนักรู้ในตนเองตามแนวพุทธจิตวิทยา ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการเจริญสติที่มีต่อการตระหนักรู้ในตนเองตามแนวพุทธจิตวิทยาของผู้เข้าปฏิบัติธรรม ๓) เพื่อนำเสนอผลการเจริญสติที่มีต่อการตระหนักรู้ในตนเองตามแนวพุทธจิตวิทยาของผู้เข้าปฏิบัติธรรม เป็นวิธีวิจัยแบบกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของสถาบันวิปัสสนาธุระ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน ๔๕ คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามและสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ปฏิบัติธรรม ๙ คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ผลการวิจัยพบว่า
๑. แนวคิดการเจริญสติและการตระหนักรู้ในตนเองตามแนวพุทธจิตวิทยา เป็นการพัฒนาทักษะทางด้านจิตใจ การอยู่กับปัจจุบันขณะ ประกอบด้วยการยอมรับ ความใส่ใจ การตระหนักรู้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการมีสติและการตระหนักรู้ต่าง ๆ ทั้งในตนเองและสภาพแวดล้อมภายนอก และเป็นผลจากการใช้หลักโยนิโสมนสิการในการกำหนดระลึกรู้ตามความเป็นจริงด้วยวิธีพิจารณาอย่างแยบคายในการู้เท่าทันอารมณ์ ความนึกคิดของตนเอง สามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
๒. ผลการเปรียบเทียบภาพรวมคะแนนการตระหนักรู้ในตนเองตามแนวพุทธจิตวิทยาของผู้เข้าปฏิบัติธรรมหลังเข้าร่วมการเจริญสติ มีคะแนนสูงกว่าก่อนเข้าร่วมการเจริญสติสติ และอยู่ในระดับมากที่สุด
๓. ผลการเจริญสติที่มีต่อการตระหนักรู้ในตนเองตามแนวพุทธจิตวิทยาของผู้เข้าปฏิบัติธรรมหลังการปฏิบัติธรรม ผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมมีการตระหนักรู้ในตนเองตามแนวพุทธจิตวิทยาสูงขึ้นกว่าก่อนการปฏิบัติธรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ ทั้งในภาพรวมและในรายด้าน ดังนั้น การฝึกเจริญสติตามแนวทางสติปัฏฐาน ๔ จะช่วยเสริมสร้างการตระหนักรู้ในตนเองให้บุคคลได้ นำไปสู่การเป็นบุคคลที่มีคุณภาพและสังคมดีขึ้น
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนผู้แต่ง กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป
เอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
พระพรมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครั้งที่ ๑๑.กรุงเทพมหานคร: บริษัท.เอส.อาร์.พริ้นติ้ง แมส โปรดักส์ จำกัด, ๒๕๕๑.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๙.
พระโสภณมหาเถระ (มหาสีสยาดอ). มหาสติปัฏฐานสูตร ทางสู่พระนิพพาน. แปลและเรียบเรียงโดย พระคันธ สาราภิวงศ์. กรุงเทพมหานคร: ไทยรายวันการพิมพ์, ๒๕๔๙.
กันต์ ปั้นภู. “ความสัมพันธ์ของการตระหนักรู้คุณค่าในตนเองที่มีต่อเป้าหมายและความสำเร็จในการเรียนตามหลักอิทธิบาท ๔ : กรณีศึกษานิสิตระดับปริญญาตรีคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาชีวิตและความตาย. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๖๐.
ช่อเพชร เบ้าเงิน. “การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ด้านการ ตระหนักรู้ ตนเองของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสมุทรสาคร”. ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๔๕.
คอย ละอองอ่อน และคณะ, “ผลของการใช้กระบวนการจิตตปัญญาศึกษาต่อการตระหนักรู้ในตนเองและการร่วมรู้สึกกับผู้อื่นของนักศึกษาพยาบาล”, วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, ปีที่ ๓๐ ฉบับที่ ๒ (พฤษภาคม-สิงหาคม ๒๕๖๓): ๔๖-๕๗.
นเรนทร์ฤทธิ์ นันทะสิทธิ์ และคณะ. “ผลการใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวร่วมกับการฝึกสติ เพื่อพัฒนาการตระหนักรู้ต่อตนเอง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ จังหวัดเชียงราย”. วารสารราชพฤกษ์. ปีที่ ๑๙ ฉบับที่ ๑ (มกราคม-เมษายน ๒๕๖๔): ๖๗-๗๕.
บุญเลิศ วงศ์วิศิษฏ์ และคณะ. “ผลของการฝึกปฏิบัติธรรมแบบวิปัสสนา ๕ วันต่อระดับการตระหนักรู้ในตัวตนเองของผู้ปฏิบัติธรรม”. วารสารจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ปีที่ ๓๘ ฉบับที่ ๒ (๒๕๖๔): ๑๓๔-๑๕๒.
พระสาธิต โปธาเศษ. “วิธีการเพิ่มสตินทรีย์ให้แก่ผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔”. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพุทธศาสนศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ๒๕๕๓.
อรวรรณ นาเพ็ชร และคณะ. “การตระหนักรู้ในตนเอง และการรับรู้ประโยชน์ของการตระหนักรู้ในตนเองของนักศึกษาพยาบาลมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอุบลราชธานี”. วารสารราชธานีนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ. ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๒ (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๑): ๖๐-๗๓.
ธัญยพร จารุไพศาล. การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness) คืออะไร และพัฒนาอย่างไร. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.workwithpassiontraining.com/17815526 [๑ มกราคม ๒๕๖๗].
ภาษาอังกฤษ
Fitz-Gibbon et al. How to Design a Program Evaluation. Newbury Park: Sagh, 1987.
Goleman, D. Working with Emotional Intelligence. New York: Bantam Books, 1999.
James, W. The Principles of Psychology. New York: Henry Holt and Company, 1890.
Maslow. Motivation and Personality. New York: Harper and Row, 1970.
Rogers, C.R. Client-Centered Therapy: Its Current Practice, Implications, and Theory. Boston: Houghton Mifflin, 1951.
Khoury, N. “Mindfulness and Happiness”. Mindfulness. Vol. 14 (2023): 2824-2828.
Lio Stefanus. “The Effect of Self-Awareness and Personal Responsibility on Life Satisfaction of Seminary Students in Malang”. Turkish Journal of Computer and Mathematics Education. Vol. 12 No. 14 (2021): 5724-5734.
Shonin et al. “The Impact of Mindfulness-Based Stress Reduction (MBSR) on Self-Awareness: A Meta-Analysis”. Psychological Medicine. Vol. 48 (2018): 2157-2170.
Witkiewitz, K. et al. “Mindfulness-Based Relapse Prevention for Alcohol and Substance Use Disorders”. Journal of Cognitive Psychotherapy. Vol. 19
No. 3 (2005): 211-228.