รูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรป (CEFR) ระดับมัธยมศึกษา เชื่อมโยงกับการประกันคุณภาพการศึกษา
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพและแนวทางการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรป (CEFR) ระดับมัธยมศึกษา เชื่อมโยงกับการประกันคุณภาพการศึกษา 2) เพื่อพัฒนาและตรวจสอบรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรป (CEFR) ระดับมัธยมศึกษาเชื่อมโยงกับการประกันคุณภาพการศึกษา 3) ประเมินความเป็นไปได้และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรป (CEFR) ระดับมัธยมศึกษา เชื่อมโยงกับการประกันคุณภาพการศึกษา เป็นการวิจัยแบบผสมผสานวิธี โดยมีกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย 63 คน การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ 5 คน การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน มีเครื่องมือการวิจัย คือ แบบสอบถาม แบบประเมิน แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง และทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติพื้นฐาน โดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพการบริหารการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรป (CEFR) ระดับมัธยมศึกษา เชื่อมโยงกับการประกันคุณภาพการศึกษา โดยรวมและรายด้านมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก 2) การพัฒนาและตรวจสอบรูปแบบฯ ได้องค์ประกอบ 3 องค์ประกอบ คือ (1) การจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรป (CEFR) ระดับมัธยมศึกษา (2) กระบวนการการบริหาร K-POLC (3) การประกันคุณภาพการศึกษา 3) ประเมินความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ตามประเด็นในการตรวจสอบทั้ง 5 ข้อ ได้แก่ 1) การให้ความรู้ 2) การวางแผน 3) การจัดองค์กร 4) การชี้นำ และ 5) การควบคุม พบว่า มีความเป็นไปได้ และเป็นประโยชน์มากที่สุดทั้ง 5 ข้อ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.
กุลชลี ธูปะเตมีย์ และประกอบ คุณารักษ์. (2565). การศึกษาสภาพการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ การนำนโยบายและแนวทางการใช้กรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของยุโรปไปปฏิบัติในโรงเรียนมัธยมศึกษา. วารสารการวัดผลการศึกษา. 39(105). 161-174.
เทอดศักดิ์ ไชยสมปาน. (2563). บทความปัญหาการศึกษาไทยและแนวทางการแก้ไข. แหล่งที่มา http://goto know.org/blog/jed/59979. สืบค้นเมื่อ 12 ก.ย. 2566.
โรงเรียนบ้านค่าย. (2564). แผนปฏิบัติการประจำปีโรงเรียนบ้านค่าย. ระยอง: สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชลบุรี ระยอง.
วิจิตรา นะวงศ์, กานดา สกุลธนะศักดิ์ มัวร์ และวิสุทธิ์ วิจิตรพัชราภรณ์. (2562). แนวทางการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐานความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่เป็นสากล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 และ 2. วารสารบริหารการศึกษา มศว. 16(30). 176-187.
สมาพร ลี้ภัยรัตน์. (2560). รูปแบบการบริหารคุณภาพโรงเรียนมาตรฐานสากล ระดับประถมศึกษา. ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2557). คู่มือการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบมาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษที่เป็นสากล The Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) ระดับมัธยมศึกษา. แหล่งที่มา http://ltu.obec.go.th/english/2013/index.php/th/2012-08-08-10-26-5/74-cefr. สืบค้นเมื่อ 2 มี.ค. 2566.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 2579. แหล่งที่มา https://www.moe.go.th//แผนการศึกษาแห่งชาติ-พ-ศ-2560. สืบค้นเมื่อ 2 ก.พ. 2563.
Krejcie, R.V.; & Morgan, D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement. 30(3). 607-610.
Likert, Rensis. (1932). The Method of Constructing and Attitude Scale. IReading in Fishbeic, M (Ed.). Attitude Theory and Measurement. New York: Wiley & Son.