แนวทางพัฒนาการบริหารวิชาการเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเองของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี 3
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นของการบริหารวิชาการ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเอง ของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี 3 2) เพื่อนำเสนอแนวทางพัฒนาการบริหารวิชาการ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเองของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย โดยมีขั้นตอนการวิจัย ได้แก่ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารวิชาการ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเอง ของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี 3 2) นำเสนอแนวทางพัฒนาการบริหารวิชาการ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเอง ของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี 3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามและประเมินข้อมูล โดยประเด็นการสอบถามแบ่งเป็น 2 ตอน คือ สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารวิชาการ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเองของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี 3 และแนวทางพัฒนาการบริหารวิชาการเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเอง ของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี 3 ข้อมูลจากแบบสอบถามดังกล่าว ผ่านการวิเคราะห์ด้วยวิธีทางสถิติ ประกอบด้วยการแจกแจงความถี่ การหาค่าร้อยละ การหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Mean) ส่วนเบี่ยงเบน การวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น ฐานนิยม และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา สรุปผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันของการบริหารวิชาการ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเองของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี 3 อยู่ในภาพรวมระดับมาก โดยขอบข่ายการบริหารวิชาการที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือการวัดประเมินผลอยู่ในระดับมาก สภาพพึงประสงค์ของของการบริหารวิชาการเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเองของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี 3 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยขอบข่ายการบริหารวิชาการที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ การพัฒนาและส่งเสริมให้มีแหล่งเรียนรู้อยู่ในระดับมาก และความต้องการจำเป็นของของการบริหารวิชาการเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเองของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี 3 ในภาพรวม คือ 0.218 โดยขอบข่ายการบริหารวิชาการที่มีความต้องการจำเป็นมากที่สุดคือการจัดการเรียนการสอน (PNIModified = 0.294) 2) แนวทางพัฒนาการบริหารวิชาการเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเองของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดสหวิทยาเขตนนทบุรี 3 แบ่งออกเป็น 4 แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ 1 ปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา โดยการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้เรียนมากที่สุด เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเอง แนวทางที่ 2 ส่งเสริมให้มีแหล่งการเรียนรู้ซึ่งก่อให้เกิดการสนับสนุนช่วยเหลือ และเกิดประโยชน์ที่คุ้มค่าต่อผู้เรียนโดยเน้นทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเอง แนวทางที่ 3 ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษาโดยเน้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเอง และแนวทางที่ 4 พัฒนาระบบการวัดและประเมินผลให้ครอบคลุมทุกด้านตัวชี้วัดโดยมุ่งเน้นให้ระบบการประเมินนั้นสามารถสะท้อนการเรียนรู้ตามสภาพจริงของนักเรียนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาการเรียนการสอน โดยเน้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเอง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545). กรุงเทพมหานคร: องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.
จิรเจต วิเศษดอนหวาย. (2564). การศึกษายุคหลังโควิดจะใช้โลกทั้งใบเป็นห้องเรียน ด้วยการเรียนรู้แบบนำตนเอง. แหล่งที่มา https://www.educathai.com/knowledge/articles/535 สืบค้นเมื่อ 19 ม.ค. 2566.
ทิศนา แขมมณี. (2551). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์.
ภูสุดา ภู่เงิน. (2560). สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษาตามแนวคิดสานพลังประชารัฐในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา. 13(1). 90-102.
ศิริพร ทาทราย. (2552). ปัญหาและแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ชลบุรี เขต 2. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยบูรพา.
สมคิด อิสระวัฒน์. (2542). ลักษณะการอบรมเลี้ยงดูเด็กไทยซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง. รายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยมหิดล.
สมบัติ สุวรรณพิทักษ์. (2543). เทคนิคการสอนแนวใหม่สำหรับการศึกษานอกโรงเรียน : การจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี. (2564). ข่าวประชาสัมพันธ์ สพม. 3. แหล่งที่มา https://www.facebook.com/sesao3/photos/pb.100068596312130.2207520000./1568065216721084/?type=3&locale=de_DE สืบค้นเมื่อ 15 ม.ค. 2566.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแหงชาติ พ.ศ.2560 - 2579. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2558). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เสาวภา วิชาดี. (2554). การศึกษาในกระบวนทัศน์ใหม่: การเรียนโดยใช้การวิจัยเป็นฐาน. Executive Journal มหาวิทยาลัยกรุงเทพ. 31(3). 26-30.
Best, John W. (1981). Research in Education. 4th ed. New Jersey: Prentice-Hall.
Campbell E. (1996). Suspended Morality and the Denial of Ethics: How Value Relativism Muddles the Distinction between Right and Wrong in Administrative Decisions. School Administration: Persistent Dilemmas in Preparation and Practice, Jacobson S., Hickcox E., and Stevenson R., eds., Westport, CT.
Knowles M.S. (1975). Self-Directed Learning: A Guide for Learners and Teachers. Follett Publishing, Chicago, IL.