แนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการเรียนร่วมโรงเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการเรียนร่วมของสถานศึกษาในระดับการศึกษาในปัจจุบัน 2) เพื่อศึกษาระดับการดำเนินการบริหารจัดการเรียนร่วมโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และ 3) เพื่อเสนอแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการเรียนร่วมโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ประกอบด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 9 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา และการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้บริหารและครู 297 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐาน คือ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สรุปผลการวิจัยพบว่า 1) แนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการเรียนร่วมของสถานศึกษาในระดับการศึกษาในปัจจุบัน มีหลักการบริหารจัดการเรียนร่วมสำคัญ 4 ด้าน คือ นักเรียน สภาพแวดล้อม กิจกรรมการเรียนการสอน เครื่องมือ 2) ระดับการดำเนินการบริหารจัดการเรียนร่วมโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และรายด้านอยู่ในระดับมากทุกด้าน คือ เครื่องมือ กิจกรรม สภาพแวดล้อม นักเรียน และ 3) แนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการเรียนร่วมโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย (1) นักเรียน การเข้าใจถึงความต้องการพิเศษของเด็กพิเศษ มีความเข้าใจสามารถช่วยเหลือและปฏิบัติต่อเด็กพิเศษอย่างถูกวิธี (2) สภาพแวดล้อม การจัดโต๊ะห้องเรียนให้เหมาะสมกับลักษณะของเด็กพิเศษ ปรับปรุงห้องเรียนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม (3) กิจกรรมการเรียนการสอน การรายงานความก้าวหน้าของเด็กพิเศษตามแผนการสอนเฉพาะบุคคลและแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (4) เครื่องมือ การพัฒนาบุคลากรในโรงเรียนเกี่ยวกับการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษให้เพียงพอและมีคุณภาพ
Article Details
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2555). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร: คุรุสภาลาดพร้าว.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค.
ชลลดา สะอาดวงศ์. (2557). ผลการใช้มาตรฐานการเรียนร่วมในโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 2. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเนชั่น.
ณัชพร ศุภสมุทร์. (2554). การบริหารจัดการเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรณีศึกษา: โรงเรียนวัดอุทัยธาราม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงสาธารณสุข.
ธีระพงษ์ พรมกุล. (2558). สภาพการบริหารการจัดการเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท (SEAT) เป็นฐานในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1. วิทยานิพนธ์บริหารการศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยบูรพา.
ประดิษฐ์ ไชยกาฬ. (2554). การบริหารจัดการเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท. แหล่งที่มา http://school.obec.go.th/online/cet.doc สืบค้นเมื่อ 30 มี.ค. 2564.
พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. 2551. (2551). ราชกิจจานุเบกษา เลม 125 ตอนที่ 28 ก หน้า 1 (5 ก.พ. 2551).
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. (2542). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนที่ 74 ก/หน้า 1 (19 ส.ค. 2542).
สกาวรัตน์ ตันตินีรนาท. (2549). การศึกษาสภาพและปัญหาการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เขตภาคกลาง. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อัจฉราภรณ์ บัวนวล. (2551). สภาพการดำเนินงานโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วม จังหวัดลำพูน. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
อัจฉริยา กุดหอม. (2551). การศึกษาการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศของโรงเรียนแกนน าจัดการเรียนร่วมตามมาตรฐานการศึกษาพิเศษโรงเรียนเรียนร่วม: การวิจัยพหุกรณีศึกษา. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา (OJED). 3(1). 441-455.
Likert, Rensis. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale. Reading in Attitude Theory and Measurement. Fishbeic, Matin, Ed. New York: Wiley & Son.
Krejcie and D. Morgan. Determining Sample Size Research Activities. (1970). Educational and Psychological Measurement. 30. 607-610.