การพัฒนาทักษะการปฏิบัติสำหรับครูผู้สอนที่ไม่ได้สำเร็จการศึกษาวิชาเอกนาฏศิลป์ไทย โดยใช้ชุดกิจกรรม “ระบำ รำ ฟ้อน” ตามรูปแบบการสอนของเดวีส์

Main Article Content

ณิชา มั่นปาน
อุดมลักษม์ กูลศรีโรจน์
พงศธร มหาวิจิตร

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรม “ระบำ รำ ฟ้อน” ตามรูปแบบการสอนของเดวีส์ สำหรับครูผู้สอนที่ไม่ได้สำเร็จวิชาเอกนาฏศิลป์ไทย 2) เพื่อศึกษาผลของการใช้ชุดกิจกรรม “ระบำ รำ ฟ้อน” ตามรูปแบบการสอนของเดวีส์ ในการวิจัยครั้งนี้เป็นงานวิจัยประเภทกึ่งทดลอง มีประชากร ได้แก่ ครูผู้สอนในระดับประถมศึกษาที่ไม่ได้สำเร็จการศึกษาวิชาเอกนาฏศิลป์ไทย แต่จำเป็นต้องปฏิบัติการสอนรายวิชานาฏศิลป์ในสถานศึกษา มีกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนในระดับประถมศึกษาที่ไม่ได้สำเร็จการศึกษาวิชาเอกนาฏศิลป์ไทย ได้จากการเลือกแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ชุดกิจกรรม แบบประเมินตนเองของครูผู้สอนในการอบรมทักษะการปฏิบัติในรายวิชานาฏศิลป์ก่อนอบรมและหลังอบรม แบบสังเกตการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูผู้เข้ารับการอบรม แบบสอบถามความพึงพอใจของครูในการใช้ชุดกิจกรรม และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการพัฒนาชุดกิจกรรม “ระบำ รำ ฟ้อน”ตามรูปแบบการสอนของเดวีส์ ได้ชุดกิจกรรมจำนวน 5 ชุด ได้แก่ (1) นาฏศิลป์ไทยพื้นฐาน มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด (2) การแสดงระบำดอกบัว มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด (3) การแสดงการฟ้อนภูไท มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด (4) การแสดงชุดรำวงมาตรฐาน เพลงคืนเดือนหงาย มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด และ(5) การแสดงชุดรำวงมาตรฐานเพลงชาวไทย มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด และ 2) ผลการนำชุดกิจกรรมไปใช้ พบว่า การประเมินตนเองก่อนเข้ารับการอบรมอยู่ในระดับน้อย แลการประเมินตนเองหลังเข้ารับการอบรมอยู่ในระดับมากที่สุด และมีผลประเมินความพึงพอใจของครูผู้สอนในการใช้ชุดกิจกรรม “ระบำ รำ ฟ้อน” ตามรูปแบบการสอนของเดวีส์อยู่ในระดับมากที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
มั่นปาน ณ., กูลศรีโรจน์ อ., & มหาวิจิตร พ. (2022). การพัฒนาทักษะการปฏิบัติสำหรับครูผู้สอนที่ไม่ได้สำเร็จการศึกษาวิชาเอกนาฏศิลป์ไทย โดยใช้ชุดกิจกรรม “ระบำ รำ ฟ้อน” ตามรูปแบบการสอนของเดวีส์ . วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 9(3), 434–446. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/EDMCU/article/view/250405
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

กฤษณ์ จันทร์ทับ. (2563). การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ภาพพิมพ์ โดยใช้เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือเพื่อส่งเสริมทักษะทางศิลปะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (สาระทัศนศิลป์)ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 24(1). 63-76.

จรูญศรี วีระวานิช. (2524). คู่มือครูการสอนและการจัดการแสดง. กรุงเทพมหานคร: ชวิน.

ทิศนา แขมมณี. (2556). ศาสตร์การสอน องค์ความรู้พื่อการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 4). (2562). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 57 ก หน้า 49 (30 พ.ค. 2562).

พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553. (2553). ราชกิจจานุเษกษา เล่มที่ 127 ตอนที่ 45 ก. หน้า 4-6 (22 ก.ค. 2553).

เรณู โกสินานนท์. (2546). นาฏยศัพท์ ภาษาท่านาฏศิลป์ไทย. กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช.

วณิชย์ชยา โพชะเรือง. (2555). การการพัฒนาศูนย์การเรียนนาฏศิลป์ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.

วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง. (2554). ทักษะแห่งอนาคตใหม่ การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร: Openworld.

วรายุทธ มะปะทัง และคณะ. (2563). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ทักษะปฏิบัติ ตามแนวคิดของ เดวีส์เรื่องพื้นฐานนาฏศิลป์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต.มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.

ศรีประภา ศรีหางวงษ์. (2562). การสร้างแรงจูงใจในการเรียนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยีด้วยเบี้ยอรรถกรของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายประถม). วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์. 6(1). 53-65.

สุมิตร เทพวงษ์. (2541). นาฏศิลป์ไทย: นาฏศิลป์ไทยสำหรับครูประถมและมัธยม. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.

สุระ บรรจงจิตร. (2551). Active learning ดาบสองคม. วารสารโรงเรียนนายเรือ. 8(1). 34-42.

อภิญญา เวียงใต้. (2555). การพัฒนาชุดกิจกรรมสาระนาฏศิลป์ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มสัมพันธ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.

Bonwell, C. C. & Eison, J. A. (1991). Active learning: Creating excitement in the classroom. Washington DC: School of Education and Human Development, George Washington University.

Sweller, J. (2006). The worked example effect and human cognition. Learning and Instruction. 16(2). 165-169.