บทบาทของมหาวิทยาลัยสงฆ์กับการจรรโลงพระพุทธศาสนา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาสงฆ์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงเห็นว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญจึงได้ปฏิรูปการศึกษา จัดการเรียนการสอนให้เป็นระบบเหมือนนานาอารยประเทศ ให้ราษฎรทุกคนได้รับการศึกษาอย่างมีระบบและสำหรับพระภิกษุสามเณร พระองค์ทรงสนับสนุนให้คณะสงฆ์ได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งด้านปริยัติธรรมและวิชาการชั้นสูงสมัยใหม่ควบคู่กันไป ได้ทรงตั้งสถาปนามหาธาตุวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๒ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ได้พระราชทานนามใหม่ว่า มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเพื่อเป็นสถานทีศึกษาของพระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ในด้านพระพุทธศาสนาและวิชาการชั้นสูงนิสิตที่เรียนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้เรียนหลักสูตรพระพุทธศาสนาและวิชาวิปัสสนากรรมฐานซึ่งบังคับเรียนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติและพระนิสิตก่อนจบการศึกษาหลักสูตรพุทธศาสตร์ต้องไปปฏิบัติศาสนกิจ ๑ ปีเพื่อไปสนองกิจการพระสังฆาธิการและกิจการพระพุทธศาสนาด้วยการเป็นครูสอนศีลธรรมในโรงเรียนและอบรมสั่งสอนศีลธรรมแก่ประชาชน โดยเฉพาะการสอนหลักพระพุทธศาสนาวิชาวิปัสสนากรรมฐานเรียนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและช่วยกันเผยแพร่พระพุทธศาสนาเท่ากับได้รักษาพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่ชาติตลอดไป
Article Details
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร