การพัฒนาหลักสูตรพระปริยัติธรรม แผนกธรรม สาหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค ๓
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิชาการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ศึกษาสภาพการนิเทศภายในสาหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ๒) สร้างและพัฒนายุทธศาสตร์การนิเทศภายในสาหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม ๓) เสนอยุทธศาสตร์การนิเทศภายในสาหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ในเขตการปกครองคณะสงฆ์ ภาค ๓ ผลการวิจัยพบว่า
๑. สภาพปัจจุบันและปัญหาของโรงเรียนพระปริยัติธรรม ได้แก่ ๑) ด้านวิชาการ การบริหารการศึกษาโดยเน้นวิชาหลักในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๒) ด้านการบริหารการการสอน คณะครูขาดความเชี่ยวชาญถนัดเฉพาะทางในการสอนอุปกรณ์ไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียน ๓) ด้านเทคโนโลยี สื่อการสอนหนังสือและเอกสารสิ่งพิมพ์ต่างๆ ไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน การสอนมีพระอาจารย์สอนและใช้เป็นการท่องจำของพระภิกษุและสามเณรเวลาใกล้จะสอบนักธรรมชั้นตรี-นักธรรมชั้นโท-นักธรรมชั้นเอก คณะสงฆ์ ภาค ๓ จึงจัดติวก่อนสอบปีละครั้ง ๔) ด้านการนิเทศการศึกษาของผู้บริหารและคณะครูจะต้องมีการกาหนด ปรัชญา/วิสัยทัศน์/พันธกิจ/ภารกิจ/วัตถุประสงค์/เป้าหมาย ของการนิเทศ ๕) ด้านการประเมินผลการสอนของนักเรียนวัดตรงที่การเข้าสอบนักธรรมสนามหลวง ทั้ง ๓ ชั้น มีทั้งผู้สอบผ่านและสอบตกรวมถึงการขาดสอบสาหรับพระภิกษุองค์บวชใหม่คิดว่าออกพรรษาแล้วก็ลาสิกขา
๒. การพัฒนาหลักสูตรแบบบูรณาการนำมาปรับประยุกต์ใช้เข้ากับศาสตร์สมัยใหม่ สาหรับสร้างและพัฒนายุทธศาสตร์การนิเทศภายในสาหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม พบว่า ๑) ด้านวิชาการ ผู้บริหารและคณะครู รวมถึงพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ ควรเน้นในการครองตน ครองคน ครองงาน เพื่อความสาเร็จของโรงเรียนและความสาเร็จของตนเอง ๒) ด้านการบริหารการสอนหลักสูตรพระปริยัติธรรม นักธรรมชั้นตรี-นักธรรมชั้นโท-นักธรรมชั้นเอก ควรเน้นความเหมาะสมสาหรับพระภิกษุและสามเณร
๓. ยุทธศาสตร์การนิเทศการศึกษา ควรมีองค์ประกอบที่สาคัญหลักๆ มี ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑) ด้านการวางแผนกลยุทธ์ ๒) ด้านการสร้างเครือข่ายการนิเทศ ๓) ด้านการพัฒนาการนิเทศ ๔) ด้านการใช้สื่อและเครื่องมือในการนิเทศ ๕) การประเมินผลการนิเทศ
Article Details
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร