การสร้างชุดความรู้เพื่อพัฒนาตนตามหลักไตรสิกขาในพระไตรปิฎก
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาหลักไตรสิกขาที่ปรากฏในพระไตรปิฎก 2) เพื่อศึกษาการพัฒนาตนตามหลักไตรสิกขาในพระไตรปิฎก 3) เพื่อศึกษาการสร้างชุดความรู้เพื่อพัฒนาตนตามหลักไตรสิกขาในพระไตรปิฎก เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพแบบการวิจัยเชิงเอกสาร และการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 15 รูป/คน โดยดำเนินการศึกษางานเอกสาร และเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลตามเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) หลักไตรสิกขาที่ปรากฏในพระไตรปิฎกโดยไตรสิกขาเป็นหลักการอบรมฝึกหัดทางกาย วาจา จิตใจ และสติปัญญา ศีล เป็นบทฝึกหัดหรือข้อปฏิบัติ สำหรับฝึกหัดกายและวาจาให้เรียบร้อย อันจะส่งผลต่อการพัฒนาทางด้านจิตใจและปัญญาต่อไป สมาธิความตั้งมั่นของจิต ภาวะที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง แน่วแน่ต่ออารมณ์เดียวและภาวะที่จิตอันกำหนดรู้อยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งปัญญา เป็นความรู้ชัด คือ ความรู้โดยอาการต่างๆ ที่ยิ่งกว่า ความกำหนดรู้ (สัญญา) และความรู้แจ้ง (วิญญาณ) 2) การพัฒนาตนตามหลักไตรสิกขาในพระไตรปิฎก คือ การฝึกฝนตนเองในด้านของศีล สมาธิ และปัญญา (1) ศีล คือ การฝึกในด้านพฤติกรรม โดยใช้วินัยเป็นเครื่องมือในการฝึกพฤติกรรมเคยชินที่ดี และการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการพัฒนา (2) สมาธิ คือ การฝึกในด้านจิต หรือระดับจิตใจ ได้แก่การพัฒนาคุณสมบัติ คุณธรรม และความสุขของจิต โดยใช้การบำเพ็ญ สมถกรรมฐาน เป็นเครื่องมือในการฝึกจิตให้สงบมั่นคงเป็นสมาธิ (3) ปัญญา คือ การฝึกในด้านการรู้ความจริง โดยใช้การวิเคราะห์ ไตร่ตรอง ตรวจสอบ คิดการต่างๆ เป็นเครื่องมือในการฝึกปัญญาให้แจ่มแจ้ง และรู้เห็นตามที่มันเป็น จนเข้าถึงอิสรภาพ และ 3) การสร้างชุดความรู้เพื่อพัฒนาตนตามหลักไตรสิกขาในพระไตรปิฎก ได้แก่ (1) การสร้างชุดความรู้เพื่อพัฒนาตนตามหลักศีลในพระไตรปิฎกเป็นหลักการพฤติตนให้มีพฤติดีทั้งทางกาย วาจา และใจ ประกอบด้วยมีวินัยในตนเอง สามารถดำรงตน รักษาระเบียบวินัย อยู่ร่วมกันในสังคมที่ดี มีความสัมพันธ์กับสังคม ปฏิบัติหน้าที่และมีความรับผิดชอบต่อสังคม เกื้อกูลประโยชน์ (2) การสร้างชุดความรู้เพื่อพัฒนาตนตามหลักสมาธิในพระไตรปิฎก หลักการฝึกจิตใจให้มีสมาธิ ประกอบด้วยการนั่งสมาธิ การฝึกจิตให้สงบตามธรรมชาติ รักษาระเบียบวินัย สัมมาวายามะ (เพียรชอบ) สัมมาสติ (ระลึกชอบ) สัมมาสมาธิ (จิตตั้งมั่นชอบ) (3) การสร้างชุดความรู้เพื่อพัฒนาตนตามหลักปัญญาในพระไตรปิฎก หลักการฝึกจิตใจเจริญปัญญาในการเรียนรู้ ประกอบด้วยศึกษาเพื่อเรียนรู้ลึกในศาสตร์ที่ต้องการ รู้จักฟังเป็นคิดเป็นและวิเคราะห์ด้วยเหตุผล ใฝ่เรียนรู้ อบรมปัญญาให้รู้แจ้งตามความเป็นจริง สัมมาทิฏฐิ (เห็นชอบ) สัมมาสังกัปปะ (ดำริชอบ)
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
References
ทวีศักดิ์ ทองทิพย์. (2555). การวิเคราะห์การศึกษาตามหลักไตรสิกขา. สารนิพนธ์สาขาวิชา พระพุทธศาสนา. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
บุญมี แท่นแก้ว. (2545). พุทธปรัชญาเถรวาท. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). (2539). การศึกษากับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์การศาสนา.
พระมหาสมชาย สุรโตโช (สิงหา). (2556). ศึกษาการบรรลุธรรมของพระจูฬปันถกเถระ. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระมหาสุธน ยสสีโล (ผลชอบ). (2541). การศึกษาเชิงวิเคราะห์วิปัสสนากัมมัฏฐานในพระพุทธศาสนา. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
แม่ชีศุกร์ภาวดี ณ พัทลุง. (2556). การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนตามหลักไตรสิกขากรณีศึกษาพุทธทาสภิกขุ. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
วิทยา ประวะโข. (2561). การสร้างกระบวนการเรียนรู้ตามหลักไตรสิกขาเพื่อพัฒนานักเรียน ในโรงเรียนวิถีพุทธ สังกัดสนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต 1. ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.