การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคำศัพท์ โดยใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเทคนิคช่วยจำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเทคนิคช่วยจำ 2) เปรียบเทียบทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเทคนิคช่วยจำกับเกณฑ์ร้อยละ 70 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคำศัพท์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเทคนิคช่วยจำ เป็นการวิจัยการทดลองเบื้องต้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดคลองห้า จำนวน 18 คน โดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบ โฟนิกส์ร่วมกับเทคนิคช่วยจำ ซึ่งมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 2) แบบประเมินทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .83 และ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคำศัพท์ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .83 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีสำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ไม่เป็นอิสระต่อกัน และการทดสอบค่าเฉลี่ยกลุ่มตัวอย่างเดียว ผลการวิจัยพบว่า 1) ทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเทคนิคช่วยจำสูงกว่าก่อนใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเทคนิคช่วยจำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเทคนิคช่วยจำสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคำศัพท์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเทคนิคช่วยจำสูงกว่าก่อนใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเทคนิคช่วยจำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
กิตติพิชญ์ คำแผ่นจิรโรจน์ และสิทธิพล อาจอินทร์. (2563). การพัฒนาความสามารถในการอ่านออกเสียงและการจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามแนวการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับเทคนิค Mnemonic. Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus. 7(3). 175-192.
จารุวรรณ ไม้เลี้ยง. (2562). ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีโฟนิกส์ เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านออกเสียงและจำความหมายของคำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารลวะศรีวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี. 3(1). 105-120.
ฐาปนีย์ พันธ์วิศวาส. (2558). การสอนอ่านแบบโฟนิกส์เพื่อพัฒนาทักษะ การอ่านภาษาอังกฤษ ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในระบบการศึกษาสองภาษา โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เขตบางเขน สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร. การประชุมวิชาการระดับชาติประจำปี 2558 มหาวิทยาลัยรังสิต.
ณัฐพล สุริยมณฑล. (2560). การสอนแบบโฟนิกส์เพื่อส่งเสริมการออกเสียงและความรู้คำศัพท์ ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ณัฐริกา พลพิทักษ์ และสุขิริณณ์ อามาตย์บัณฑิต. (2566). การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้การสอนแบบโฟนิกส์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. 17(3). 39-48.
ดนุลดา จามจุรี. (2564). การออกแบบการเรียนรู้: แนวคิดและกระบวนการ Learning design: Concept and Process. กรุงเทพมหานคร: น่ำกังการพิมพ์.
ทิศนา แขมมณี. (2561). ศาสตร์การสอน. พิมพ์ครั้งที่ 22. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธีร์วรา ปลาตะเพียนทอง และภัทร์ธีรา เทียนเพิ่มพูล. (2563). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ด้านคำศัพท์และความคงทน โดยใช้เทคนิคช่วยจำร่วมกับสมุดภาพคำศัพท์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลนครปฐม. วารสารสหวิทยาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. 3(3). 533-547.
เบญญาภา ธนกรธัญโชค. (2565). การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับวิธีการเพื่อนช่วยเพื่อน โรงเรียนบ้านนายางจังหวัดอุตรดิตถ์. การค้นคว้าอิสระศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ปริสุทธิ์ บุษบา และแสงสุรีย์ ดวงคำน้อย. (2565). การพัฒนาความสามารถในการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบโฟนิกส์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม. 9(2). 95-112.
ปิยพร เกื้ออนันต์. (2564). การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับการใช้สื่อประสม การเสริมแรง และเพื่อนช่วยเพื่อน. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
พิณทิพย์ ทวยเจริญ. (2544). แนวการออกเสียงภาษาอังกฤษ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
พิรมลักษณ์ ตันปาน. (2561). การพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ตามแนวภาษาเพื่อการสื่อสาร ประกอบเทคนิคนีมโมนิคส์. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ลลิดา ทองรัตน์. (2563). การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษด้วยโฟนิกส์ ตามรูปแบบการเรียนการสอนทักษะปฏิบัติของเดวีส์ (Devies) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ศศิธร เอี่ยมทองคำ. (2563) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิคการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning) ร่วมกับการจำคำศัพท์เทคนิคนีมโมนิคส์ (Mnemonics) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน วิชาภาษาอังกฤษเรื่อง เทศกาลและงานฉลอง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วารสารวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย. 10(4). 75-83.
สุชาดา อินมี. (2556). การพัฒนาการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยสื่อโฟนิกส์โปสเตอร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal. 6(3). 141-152.
AKSORN. (2023). โฟนิคส์ (Phonics) สำคัญอย่างไร ทำไมต้องเรียน. แหล่งที่มา https://www.aksorn.com/aksorn-phonics สืบค้นเมื่อ 11 พ.ค. 2566.
Twinkl. (2023). ความสำคัญและเทคนิคการสอนแบบ Phonics. แหล่งที่มา https://www.twinkl.co.th/teaching-wiki/phonics-foni-ks สืบค้นเมื่อ 11 พ.ค. 2566.
Armbuster, B. B., Lehr, F. & Osborn, J. (2003). Put Reading First: Kindergarten Through Grade 3. 3rd ed. National Institute for Literacy.
Beck, I. L. & Beck, M., E. (2013). Making Senses of Phonics: The Hows and Whys. 2nd ed. Guildford Press.
Ehri, L. C. & Nunes, S., R. (2001). Systematic Phonics Instruction Helps Students Learn to Read: Evidence From the National Reading Panel’s Meta-Analysis. From https://www.dyslexie.lu/JDI_02_02_04.pdf Retrieved June 9, 2023.
Hunt. (1968). Mnemonology: Mnemonics for the 21st Century. Psycology press.
Snow, C. E., Burns, S., M. & Griffin, P. (1998). Preventing Reading Difficulties in Young Children. National Academy Press.