THE MODEL OF EDUCATION SANDBOX ADMINISTRATION BASED ON SAPPURISADHAMMA PRINCIPLES OF PRIMARY SCHOOLS UNDER SAMUTPRAKAN PRIMARY EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE
Main Article Content
Abstract
This research article aimed: 1) to study the needs of educational innovation area management in primary schools, 2) to develop a model of educational innovation area management based on the principle of Sappurisadhamma of primary schools, and 3) to evaluate the model of educational innovation area management based on the principle of Sappurisadhamma of primary schools. This research was a mixed-method research with 3 research steps: Step 1: quantitative research using a questionnaire with a sample of 258 administrators and teachers; Step 2: qualitative research using interviews with 11 key informants and focus group discussions with 9 experts; and Step 3: quantitative research using a format evaluation form with a sample of 90 people. The results of the research found that 1) the needs of educational innovation area management in primary schools had values of 5 needs, ranked from highest to lowest, as following: methods, concepts, teaching media, management, and processes, respectively; 2) The model of educational innovation area management based on the principle of Sappurisadhamma of primary schools under the Office of the Samut Prakan Primary Educational Service Area consisting of 5 main components: (1) principles, (2) objectives, (3) integration, which were divided into 5 aspects: concepts, methods, processes, teaching media and management, (4) application, (5) evaluation of the use of the model and 3) evaluation of the model of the administration of educational innovation areas of primary schools, overall, the evaluation results were at the highest level. When considering each aspect, the evaluation results were at the highest level in all 4 aspects: usefulness, correctness, appropriateness, and feasibility. This indicated that the developed model was appropriate, correct, feasible to practice, and could be utilized. It could be summarized as knowledge from the research “EMS”.
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
References
กองกฎหมายการศึกษาและวัฒนธรรม. (2562). เจตนารมณ์พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562. กรุงเทพมหานคร: สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา.
จงดี เพชรสังคูณ และจุฬาพรรณภรณ์ ธนะแพทย์. (2564). การบริหารสถานศึกษาตามหลักสัปปุริสธรรม 7. มจร อุบลปริทรรศน์. 6(1). 601.
ธีรวุฒิ เอกะกุล. (2543). ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. อุบลราชธานี: สถาบันราชภัฎอุบลราชธานี.
ประยูร บุญใช้. (2561). การสังเคราะห์งานวิจัยที่ใช้รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : โมเดลซิปปา (CIPPA Model) ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน. วารสารวิชาการหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. 10(28). 77 - 80.
พระจำรัส ฐิตธมฺโม. (2554). การประยุกต์ใช้หลักสัปปุริสธรรม 7 ในการบริหารจัดการชุมชน: กรณีศึกษา ชุมชนวัดใหม่พิเรนทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตโต). (2561). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครั้งที่ 32. กรุงเทพมหานคร: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระมหาคมเพชร วชิรปญฺโญ (เรืองผา). (2553). การนำหลักสัปปุริสธรรม 7 มาประยุกต์ใช้ในการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น: กรณีศึกษาเฉพาะองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรี. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พิเชฐ โพธิ์ภักดี. (2553). การพัฒนารูปแบบการบริหารโรงเรียนนิติบุคคล สังกัดสพนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ยุวธิดา ม่วงเจริญ และสุรชัย มีชาญ. (2558). การประเมินการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี. วารสาร Veridian E-Journal มหาวิทยาลัยศิลปากร. 8(1). 1062.
วาโร เพ็งสวัสดิ์. (2553). การวิจัยพัฒนารูปแบบ. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. 2(4). 9 - 13.
วิจารณ์ พานิช. (2556). การสร้างการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิสยามกัมมาจล.
วิสุทธิ์ วิจิตรพัชราภรณ์. (2547). การพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาแบบกระจายอำนาจในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานตามแนวทางพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศักดิ์ศรี ปาณะกุล. (2543). การประเมินหลักสูตร. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2562). แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้. กระทรวงศึกษาธิการ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสมุทรปราการ. (2564). ข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาจังหวัดสมุทรปราการ ปีการศึกษา 2564. สมุทรปราการ: สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสมุทรปราการ.
สำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย สพฐ. (2565). แนวทางการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. แหล่งที่มา https://webs.rmutl.ac.th/assets/upload/files/2016/09/20160908101755_51855.pdf สืบค้นเมื่อ 24 พ.ย. 2565.
อัมพร วงศ์โสภา. (2555). รูปแบบภาวะผู้นำเชิงพุทธตามหลักสัปปุริสธรรมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : กรณีศึกษาความคิดเห็นของประชาชน อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่. ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ฮิวจ์ เดลานี. (2565). การศึกษาสำหรับศตวรรษที่ 21. แหล่งที่มาhttps://www.unicef.org/thailand/th/stories/ สืบค้นเมื่อ 24 พ.ย. 2565.
Keeves, Peter J. (1988). Model and Model Building: Educational Research Methodology and Measurenment : An Intermational Handbook. Oxford: Pergamon Press.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement. 30(3). 607–610.