ผลของโปรแกรมการจัดการความเครียดเชิงพุทธของพนักงานดูแลผู้สูงอายุ ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

ผู้แต่ง

  • สัญญา ปัญญา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • ประสิทธิ์ แก้วศรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • พระครูสังฆรักษ์เอกภัทร อภิฉนฺโท คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

คำสำคัญ : โปรแกรมการจัดการความเครียด, พนักงานดูแลผู้สูงอายุ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับความเครียดของพนักงานดูแลผู้สูงอายุ ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ 2) เพื่อสร้างโปรแกรมการจัดการความเครียดเชิงพุทธของพนักงานดูแลผู้สูงอายุ ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ 3) เพื่อศึกษาผลการใช้โปรแกรมการจัดการความเครียดเชิงพุทธของพนักงานดูแลผู้สูงอายุ ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ งานวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง โดยใช้เครื่องมือการวิจัยคือแบบประเมินระดับความเครียดของกรมสุขภาพจิต (SPST-20) และโปรแกรมการจัดการความเครียดเชิงพุทธที่ผ่านการตรวจสอบความเหมาะสมจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน ได้คะแนน 0.96 แปลว่าเหมาะสม ประชากรศึกษาคือพนักงานดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 59 คน นำผู้ที่มีความเครียดในระดับสูง 20 คน และเครียดในระดับรุนแรง  6 คน รวม 26 คน และทำการสุ่มอย่างง่ายเพื่อให้ได้มา จำนวน 14 คน เข้ากลุ่มทดลอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา แจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลักการทดลอง และการติดตามผลหลังการทดลองผ่านไปแล้ว 1 เดือน โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ การวิเคราะห์เนื้อหา และการสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย

ผลการศึกษาพบว่า 1) ความเครียดของพนักงานดูแลผู้สูงอายุ ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง คะแนนเฉลี่ย 41.14   2) ผลการสร้างโปรแกรมการจัดการความเครียดเชิงพุทธ  ประกอบไปด้วย 8 กิจกรรม ได้แก่ 1) เมื่อฉันและเธอมาเจอกัน 2) Finding to Heart 3) สายน้ำแห่งชีวิต 4) ปรับเข็มทิศชีวิตไม่เครียด 5) ชาภาวนา 6) พบธรรมนำใจ 7) อยู่อย่างไรให้มีความสุข และ8) ลมหายใจสลายเครียด ได้คะแนนความเหมาะสมจากผู้ทรงคุณวุฒิ 0.96 3) ผลจากการทดลองตามโปรแกรมการจัดการความเครียดเชิงพุทธหลังการทดลองความเครียดของพนักงานดูแลผู้สูงอายุลดลง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และพบว่าพนักงานดูแลผู้สูงอายุมีสุขภาพจิตดีขึ้น เข้าใจถึงสภาะวะอารมณ์และเกิดการมีสติ มีสมาธิ มีความเมตตา เข้าใจถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  เกิดความคิดเชิงบวกและเกิดการพัฒนาตนเองในการทำงานและสามารถจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้นได้ดี

References

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2541). ประชุมวิชาการกรมสุขภาพจิต ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 7-9 กันยายน. สืบค้นเมื่อ 4 พฤษภาคม 2567, จาก https://dmh.go.th/abstract/details.asp?id=1886.

กัญนิกา อยู่สำราญ. (2565). ความเครียดและการเผชิญความเครียดของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา. วารสารศูนย์อนามัย ที่ 9. 16 (1), น. 1-16.

ชัยฒศักดินนท์ สงค์จันทร์. (2564). ผลของโปรแกรมกลุ่มพัฒนาตนเชิงพุทธกับการฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ ต่อความเครียดของพนักงานเอกชนแห่งหนึ่ง. วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยาชีวิตและความตาย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

ชำนิศาสตร์ รัตนาภรณ์. (2562). แนวโน้มของภาวะเครียดและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของผู้ดูแลผู้สูงอายุ. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขภาพจิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ชาลินี สุวรรณยศ. (2563). การลดความเครียดในผู้ดูแลผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อม. วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต. 34 (2), น. 1-14.

ณัฐธัญญา ประสิทธิ์ศาสตร์. (2561). ผลของโปรแกรมเสริมสร้างแรงจูงใจภายในต่อทักษะการจัดการความเครียด. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ดวงเดือน ศาสตรภัทร และคณะ. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ดูแลผู้สูงอายุ, วารสารวิชาการศรีปทุม ชลบุรี. 18 (2), น. 5.

บริการสถิติข้อมูล. (2565). กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2566, จาก https://stat.bora.dopa-go.th/new_stat/webPage/statByAgeMonth.php.

ปวีณา ทักษิณาเจนกิจ. (2564). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความเครียดในผู้ดูแลผู้มีภาวะสมองเสื่อมหรือภาวะพึ่งพิง. วิทยานิพนธ์สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พิเศษ โพพิศ. (2563). การสร้างสรรค์กิจกรรมศิลปะเพื่อลดความเครียดในเด็กจากการเรียนออนไลน์. นครปฐม. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

พิศิษฐ์ ชื่นแจ้ง. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดของผู้ดูแลคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกายระดับติดเตียง จังหวัดสุโขทัย. วิทยานิพนธ์หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.

มณีรัตน์ ชาวบล และคณะ. (2565). ปัจจัยทำนายภาวะซึมเศร้าของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง. วารสารพยาบาลศาสตร์ . 40 (3), น. 91-102.

วันทนา เนาว์วัน และคณะ. (2563). การจัดการความเครียดและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคุณภาพชีวิตในการทำงาน. วารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์, 22 (1), น. 224-230.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. (2564). สังคม สูงอายุ...แบบสมบูรณ์ คนไทยพร้อมแล้วหรือยัง. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2566,

จาก https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages.

สุดาสินี สุทธิฤทธิ์. (2564). ความเครียดของผู้ดูแลผู้สูงอายุกลุ่มติดเตียง จังหวัดสุราษฎร์ธานี, วารสารวิชาการแพทย์เขต 11, 35 (2), น. 1-9.

สุสารี ประคินกิจ. (2562). ผลของโปรแกรมสร้างสุข ผ่อนคลายความเครียดผ่านแอปพลิเคชั่น ต่อ ความเครียด ความสุขคุณภาพชีวิตของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทในชุมชนเมือง. ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่าพยาบาลไทย ครั้งที่ 3 : การดูแลผู้สูงอายุในยุคดิจิทัล (วันที่ 24-26 เมษายน), น. 225.

สุวรรณา เชียงขุนทด. (2561). การพัฒนาโปรแกรมการจัดการความเครียดตามแนวพุทธจิตวิทยาสำหรับนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม. ดุษฎีนิพนธ์หลักสูตรปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต. สาขาวิชาพุทธจิตวิทยา. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, น. 117-121.

สุริยา ฟองเกิด. (2562). ความต้องการด้านการช่วยเหลือดูแลสุขภาพของญาติผู้ดูแลผู้สูงอายุ ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี, 8 (2), น. 93-108.

อรทัย วงค์อินอยู่ และคณะ. (2562). การศึกษาความเครียด และภาระของผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในชุมชน. วารสารการพยาบาล สุขภาพ และการศึกษา, 2 (1), น.40-49.

Today. (2564). นักวิชาการเตือนปี 65 ไทยเตรียมพบสึนามิสังคมสูงอายุ พร้อมแนะรัฐและประชาชนเร่งปรับตัว. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2566, จาก https://workpointtoday.com/thai-agingsociety-65/.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-12-17