การติดตามการใช้หลักสูตรสถานศึกษา รายวิชาประวัติศาสตร์ โรงเรียนวัดประสาทนิกร อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
คำสำคัญ:
การติดตามการใช้หลักสูตร, หลักสูตรสถานศึกษา, วิชาประวัติศาสตร์, การประเมินเชิงระบบบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามการใช้หลักสูตรสถานศึกษา รายวิชาประวัติศาสตร์ โรงเรียนวัดประสาทนิกร อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร โดยวิธีการประเมินเชิงระบบเกี่ยวกับความเหมาะสมของโครงสร้างหลักสูตร ความเหมาะสมและความเพียงพอของปัจจัยนำเข้า ความเหมาะสมของกระบวนการ และผลการดำเนินการใช้หลักสูตร กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้บริหารโรงเรียน 3 คน ครูสอนประวัติศาสตร์ 10 คน นักเรียน 734 คน และผู้ปกครอง 582 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม แบบสังเกต และแบบตรวจสอบเอกสาร ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยการหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา นำผลการวิเคราะห์มาเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในแต่ละด้าน เพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมของการดำเนินการใช้หลักสูตร ผลการวิจัยพบว่า 1) ด้านโครงสร้างหลักสูตรสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรท้องถิ่น 2) ด้านปัจจัยนำเข้าในการใช้หลักสูตร เนื่องจากโรงเรียนมีครูผู้สอนวิชาประวัติศาสตร์ที่ไม่จบสาขาประวัติศาสตร์ จึงควรส่งเสริมให้ครูผู้สอนเพิ่มเติมประสบการณ์การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ และควรให้ครูผู้สอนทุกคนได้รับการนิเทศการสอน 3) ด้านการจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ครูมีการวางแผนการสอน แต่การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูผู้สอนยังเน้นการสอนแบบบรรยาย ทำให้นักเรียนเกิดความรู้สึกไม่สนุกสนานในการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ ดังนั้นครูผู้สอนควรปรับปรุงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนเกิดความสนุกในการเรียนรู้ 4) ผลการดำเนินการใช้หลักสูตร นักเรียนร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ ความรู้สึกของนักเรียนที่มีต่อการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ในด้านความตระหนักและเจตคติต่อการเรียนวิชาประวัติศาสตร์อยู่ในระดับมากขึ้นไป ร้อยละ 56.83 ครูและผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อผลการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ของนักเรียนอยู่ในระดับมาก (3.64)
References
โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว.
กระทรวงศึกษาธิการ กรมวิชาการ. (2552). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ใจทิพย์ เชื้อรัตนพงษ์. (2539). การพัฒนาหลักสูตร: หลักการและแนวปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์
อลีน เพรส.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์สุวีริยาสาส์น.
ราชกิจจานุเบกษา. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542. ค้นเมื่อ 20 มกราคม 2561,
จาก http://www.moe.go.th/moe/nipa/ed_law/p.r.g.edu1.pdf
รุจิร์ ภู่สาระ. (2551). การพัฒนาหลักสูตร: ตามแนวปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: บุด พอยท์.
ลักษไชย มลอุ่นและราตรี สมบัติ. (2559, 25 กรกฎาคม). สัมภาษณ์. ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการและ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ. โรงเรียนวัดประสาทนิกร.
วารีรัตน์ แก้วอุไร. (2554). การวางแผนการสอน. ค้นเมื่อ 20 มกราคม 2561, จาก https://www.gotoknow.org/user/wareerark/posts
วิภาดา พินลา. (2560). เทคนิคการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำหรับครูสังคมศึกษาในยุคคริสต์ศตวรรษที่
21. วารสารปาริชาต. 30 (2) , หน้า 1-19.
วิมลพรรณ อาภาเวท. (2553). หลักการโฆษณาและประชาสัมพันธ์. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.
วิโรจน์ มังคละมณี. (2539). ยุทธศาสตร์การบริหารการใช้หลักสูตรในโรงเรียน. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ประสานมิตร.
สงัด อุทรานันท์. (2532). พื้นฐานและหลักการพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มิตรสยาม.
สุทธนู ศรีไสย์. (2545). หลักการนิเทศการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุนีย์ ภู่พันธ์. (2546). แนวคิดพื้นฐานการสร้างและการพัฒนาหลักสูตรยุคปฏิรูปการศึกษาไทย. เชียงใหม่: The Knowledge Center.
Ajzen, I. & M. Fishbein. (1975). Beliefs, Attitude, Intention and Behavior: An Introduction to Theory and Research. M.A.: Addison Wesley: Addison-Wesley.
Bloom, B. S, Hasting, T. J, & Madus G. F. (1971). Handbook on Formative and Summative Evaluation of Students. New York: Mc. Graw-Hill.
Krathwohl, D. R., Bloom, B. S., & Masia, B. B. (1964). Taxonomy of Educational Objectives, the classification of educational goals–Handbook II: Affective Domain. New York
McKay. Stufflebeam, D. L. et al (2001). Evaluation model. San Francisco: Jossey-Bass.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีและบุคลากรท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว