การศึกษาอิทธิพลของสมรรถนะดิจิทัลที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัลและผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคลของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
คำสำคัญ:
สมรรถนะดิจิทัล, ความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัล, ผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคลบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาถึงระดับสมรรถนะดิจิทัล ระดับความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัล และระดับผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคล ของข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 2) เพื่อศึกษาถึงความสัมพันธ์ของสมรรถนะดิจิทัล ความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัล และผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคล ของข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 3) เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการปรับปรุงและพัฒนาระดับสมรรถนะ ระดับความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัล และระดับผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคล ของข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น การวิจัยครั้งนี้ใช้กระบวนการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มประชากร คือ ข้าราชการทั้งหมดของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา จำนวน 169 คน มีผู้ตอบกลับทั้งสิ้น 124 คน ใช้เทคนิคการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis: CFA) และการทดสอบสมมติฐานโดยใช้โมเดลสมการโครงสร้าง (Structural Equation Modelling: SEM) ผ่านการวิเคราะห์เส้นทางความสัมพันธ์ (Path Analysis) ผลการวิจัยพบว่า มีระดับสมรรถนะดิจิทัลอยู่ในระดับมาก (x̅ = 3.92, SD = 0.65) ระดับความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัลอยู่ในระดับปานกลาง (x̅ = 3.44, SD = 0.94) และระดับผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคลอยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.05, SD = 0.64) ในด้านอิทธิพลความสัมพันธ์พบว่าสมรรถนะดิจิทัลมีอิทธิพลเชิงบวกต่อความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัล (B = .877, β = .605, p < .001) สมรรถนะดิจิทัลมีอิทธิพลเชิงบวกต่อผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคล (B = .336, β = .343, p < .001) ความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัลมีอิทธิพลเชิงบวกต่อผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคล (B = .239, β = .355, p < .001) และสมรรถนะดิจิทัลมีอิทธิพลทางอ้อมต่อผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคลผ่านตัวแปรความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัล (B = .210, β = .215, p = .012) นำไปสู่การจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย คือ 1) ส่งเสริมการพัฒนาทักษะดิจิทัลโดยเน้นการใช้งานจริง ประเมินและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง 2) กำหนดนโยบายให้ความรู้ในการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล การใช้ปัญญาประดิษฐ์ และการสร้างสมดุลชีวิต 3) พัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าผ่านกิจกรรม การอบรม การประชุมเชิงปฏิบัติการ และการให้คำแนะนำจากผู้บริหาร
เอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
จอมภัค จันทะคัต. (2561). ปัจจัยสมรรถนะที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการทําางานของอาจารย์สถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิชาการบริหารธุรกิจสมาคม สถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย, 7(1), 162–177. https://so02.tci-thaijo.org/index.php/apheitvu/article/view/128127
พัชรีย์ ไกรสิทธิ์. (2566). ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน บริษัทรักษาความปลอดภัย และถลางพรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด. วารสารการวิจัยประยุกต์ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ, 2(2). https://so07.tci-thaijo.org/index.php/arj/article/view/3311
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี. (2560). นโยบาย Thailand 4.0 คืออะไร. ไทยคู่ฟ้า วารสารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, 33, 4-5. https://spm.thaigov.go.th/FILEROOM/spm-thaigov/DRAWER004/
GENERAL/DATA0000/00000368.PDF
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2566). แผนปฏิบัติการดิจิทัล สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (พ.ศ. 2566 - 2570). https://www.onec.go.th/th.php/page/category/CAT0001090
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2567). รายงานการบริหารทรัพยากรบุคคลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567. https://www.onec.go.th/th.php/page/view/Information/4352
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. (2566). มาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2566 - 2570) และแนวทางปฏิบัติ. นนทบุรี: กลุ่มโรงพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการ สำนักงาน ก.พ. https://www.ocsc.go.th/strategy-policy-work-plan/public-workforce-resizing-strategy-th
สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2561 - 2580). https://onde.go.th/view/1/นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม/TH-TH
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์. (2566). FUTURE OF THAILAND DIGITAL WELL-BEING อนาคตของความเป็นอยู่ที่ดีในยุคดิจิทัลของคนไทย. https://www.etda.or.th/th/Useful-Resource/เอกสารเผยแพร/FUTURE-OF-THAILAND-DIGITAL-WELL-BEING.aspx
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.). (2566). แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570. กรุงเทพ: สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) https://
www.dga.or.th/policy-standard/policy-regulation/dga-019/dga-027/dg-plan-2566-2570/
ภาษาต่างประเทศ
Buckingham, S., Tu, G., Elliott, L., Poole, R., Walker, T., Bland, E., & Morrissey, K. (2023). Digital competence and psychological wellbeing in a social housing community: a repeated survey study. BMC Public Health, 23(1), 2002. https://doi.org/10.1186/s12889-023-16875-2
Campbell, J. P., McCloy, R. A., Oppler, S. H., & Sager, C. E. (1993). A theory of performance. Jossey-Bass.
Cheung, G. W., & Lau, R. S. (2008). Testing mediation and suppression effects of latent variables: Bootstrapping with structural equation models Organizational Research Methods, 11(2), 296-325. https://doi.org/10.1177/10944281073003
Council of the European Union. (2018). Council Recommendation of 22 May 2018 on key competences for lifelong learning (Text with EEA relevance.). Official Journal of the European Union. https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/?uri=CELEX%3A32018H0604%2801%29&qid=1729679651316
DQ Institute. (2019). DQ Global Standards Report 2019 (Y. Park, Ed.). https://live.dqinstitute.org/dq-framework/
Ferrari, A. (2012). Digital Competence in Practice: An Analysis of Frameworks. Publications Office of the European Union. https://doi.org/10.2791/82116
Jisc. (2022). Building digital capabilities framework: the six elements defined. https://digitalcapability.jisc.ac.uk/what-is-digital-capability/individual-digital-capabilities/
Memon, A. H., Khahro, S. H., Memon, N. A., Memon, Z. A., & Mustafa, A. (2023). Relationship between Job Satisfaction and Employee Performance in the Construction Industry of Pakistan. Sustainability, 15(11). https://doi.org/10.3390/su15118699
Ministry of Education and Higher Education. (2019). Digital Competency Framework. Quebec, Canada: Ministry of Education and Higher Education Retrieved from https://unevoc.unesco.org/home/Digital+Competence+Frameworks/lang=en/id=18
Rad, D., & Demeter, E. (2019). Youth Sustainable Digital Wellbeing. Postmodern Openings, 10(4), 104-115. https://doi.org/10.18662/po/96
Ramawickrama, J., Opatha, H. H. D. N. P., & PushpaKumari, M. D. (2017). A Synthesis towards the Construct of Job Performance. https://doi.org/10.5539/ibr.v10n10p66
Sync. (2024). Global Digital Wellbeing Index 2024. https://sync.ithra.com/dwi/en/index-report
Yue, A., Pang, N. L. S., Torres, F. L. M., & Mambra, S. (2021). Developing an Indicator Framework for Digital Wellbeing: Perspectives from Digital Citizenship. NUS-CTIC Working Paper Series, 1. https://ctic.nus.edu.sg/workingpapers.html
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สหศาสตร์: วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
สหศาสตร์: วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองลิขสิทธิ์และสิทธิของผู้นิพนธ์ในการเผยแพร่ผลงานวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความโปร่งใส ความถูกต้องตามหลักวิชาการ และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล ทั้งนี้ วารสารกำหนดนโยบายดังต่อไปนี้
|
1. การยอมรับเงื่อนไขการเผยแพร่ - ผู้นิพนธ์ที่ส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ ต้องปฏิบัติตามนโยบายและเงื่อนไขการเผยแพร่ของวารสารโดยเคร่งครัด - การส่งบทความถือเป็นการยอมรับให้นำบทความเข้าสู่กระบวนการพิจารณาและการเผยแพร่ตามมาตรฐานของวารสาร |
|
2. การโอนลิขสิทธิ์ - เมื่อบทความได้รับการตอบรับเพื่อตีพิมพ์ ผู้เขียนโอนลิขสิทธิ์ของบทความให้แก่วารสาร - วารสารมีสิทธิ์เผยแพร่ ทำซ้ำ และเผยแพร่บทความในทุกรูปแบบ ทั้งสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และสื่อออนไลน์อื่น ๆ |
|
3. สิทธิ์ของผู้นิพนธ์หลังการโอนลิขสิทธิ์ - ผู้นิพนธ์ยังคงมีสิทธิ์ใช้บทความเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาการ เช่น การสอน การวิจัยส่วนบุคคล การใช้ประกอบวิทยานิพนธ์ หรือการเผยแพร่ในแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ - การนำบทความไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากวารสารก่อนเป็นลายลักษณ์อักษร |
|
4. การเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณะ (Creative Commons License) - บทความทั้งหมดในวารสารจะเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) - บุคคลอื่นสามารถเผยแพร่หรือแบ่งปันบทความได้โดยต้องให้เครดิตแก่ผู้นิพนธ์ต้นฉบับ แต่ห้ามแก้ไข ดัดแปลง หรือใช้ในเชิงพาณิชย์ |
|
5. ความถูกต้องของเนื้อหาและการใช้สื่อจากบุคคลที่สาม - ผู้เขียนต้องรับรองว่าบทความที่ส่งเพื่อตีพิมพ์เป็นผลงานต้นฉบับของตนเอง ไม่ได้ส่งซ้ำซ้อน (duplicate submission) และไม่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือคัดลอกผลงานของผู้อื่น รวมถึงไม่มีการปลอมแปลงข้อมูล การตีพิมพ์ซ้ำ หรือการกระทำใด ๆ ที่ขัดต่อหลักจริยธรรมทางวิชาการ - ผู้เขียนต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตใช้สื่อจากบุคคลที่สาม เช่น ภาพ ตาราง หรือกราฟิก และต้องอ้างอิงหรือให้เครดิตอย่างถูกต้องน |
|
6. ข้อจำกัดความรับผิดชอบ (Disclaimer) - บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสหศาสตร์: วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร - ข้อความ ข้อมูล และข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่ละท่านโดยตรง มิได้สะท้อนถึงทัศนะหรือจุดยืนของกองบรรณาธิการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - หากบทความมีข้อผิดพลาดหรือการละเมิดสิทธิ์ใด ๆ ความรับผิดชอบทั้งหมดเป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว - การนำบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากบรรณาธิการวารสารก่อน ทั้งนี้ ผู้ขออนุญาตต้องจัดทำคำชี้แจงเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งานอย่างชัดเจน การใช้บทความในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว |

