ทักษะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็กที่ส่งผลต่อการเป็นองค์การแห่งความสุข สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาทักษะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็ก 2) ศึกษาการเป็นองค์การแห่งความสุข และ 3) ศึกษาทักษะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็กที่ส่งผลต่อการเป็นองค์การแห่งความสุข สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม เป็นประเภทของการวิิจััยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ข้าราชการครูในสถานศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม จํานวน 139 คน โดยทำการสุ่มแบบแบ่งชั้นตามเขตพื้นที่ และการสุ่มอย่างเป็นระบบ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามที่มีค่าความตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง .67- 1.00 และความเที่ยงเท่ากับ .98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ
ผลการวิจัยพบว่า 
1) ทักษะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็กในภาพรวมและรายด้านอยู่ระดับมากทุกด้าน ทักษะที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ทักษะทางการศึกษา รองลงมา คือ ทักษะทางมนุษย์ ทักษะทางการสื่อสาร ทักษะทางเทคนิค ทักษะทางความคิดรวบยอด และทักษะทางการวินิจฉัย 
2) การเป็นองค์การแห่งความสุข ในภาพรวมและรายด้านอยู่ระดับมากทุกด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ผู้บริหารส่งเสริมการมีน้ำใจงาม รองลงมา คือ ผู้บริหารส่งเสริมการมีคุณธรรม ผู้บริหารส่งเสริมการหาความรู้ ผู้บริหารส่งเสริมการมีสังคมที่ดี ผู้บริหารส่งเสริมการมีครอบครัวที่ดี ผู้บริหารส่งเสริมการใช้เงินเป็น ผู้บริหารส่งเสริมการผ่อนคลาย และผู้บริหารส่งเสริมการมีสุขภาพดี
3) ทักษะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็กที่ส่งผลต่อการเป็นองค์การแห่งความสุข โดยตัวแปรที่ได้รับเลือกเข้าสมการ คือ ทักษะทางเทคนิค และทักษะทางมนุษย์ โดยมีอำนาจการพยากรณ์ร้อยละ 71.10 และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.1