Author for Guidelines
1. ส่วนประเภทของบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสาร
วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น ตีพิมพ์บทความประเภทต่างๆ ดังนี้
1.1 บทความพิเศษ (Special Article) บทความทางวิชาการพิเศษ ที่เสนอเนื้อหาความรู้วิชาการอย่างเข้มข้น และผ่านการอ่านและพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชานั้น ๆ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักวิชาการในวงการวิชาการ/วิชาชีพ
1.2 บทความทางวิชาการ (Academic Article) ที่เสนอเนื้อหาความรู้วิชาการมีความโดดเด่น
เพื่อนําเสนอองค์ความรู้ใหม่สู่สังคม
1.3 บทความวิจัย (Research Article) ได้แก่ รายงานผลงานวิจัยใหม่ที่มีองค์ความรู้
อันเป็นประโยชน์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดๆ มาก่อน
1.4 บทความปริทรรศน์ (Review Article) เป็นบทความที่รวบรวมความรู้จากตํารา หนังสือ และวารสารใหม่ หรือจากผลงานและประสบการณ์ของผู้เขียนมาเรียบเรียงขึ้น โดยมีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ วิจารณ์ เปรียบเทียบ
1.5 ปกิณกะ (Miscellany) ได้แก่ บทความ ทบทวนความรู้ เรื่องแปล ย่อความจากวารสาร
ต่างประเทศ การแสดงความคิดเห็น วิจารณ์ แนะนําเครื่องมือใหม่ ตําราหรือหนังสือใหม่ที่น่าสนใจหรือข่าวการประชุมทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติ
2. การส่งบทความ
บทความที่จะตีพิมพ์ในวารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น สามารถส่งเข้าในระบบออนไลน์ของวารสารที่ www.tci-thaijo.org/index.php/jg-mcukk/index
3. การตรวจสอบบทความและพิสูจน์อักษร
ผู้เขียนควรตระหนักถึงความสําคัญในการเตรียมบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบของบทความที่วารสารกําหนด ตลอดจนตรวจสอบความถูกต้องแน่นอน พร้อมทั้งพิสูจน์อักษรก่อนที่จะส่งบทความให้กับบรรณาธิการ การเตรียมบทความให้ถูกต้องตามข้อกําหนดของวารสารจะทําให้การพิจารณาตีพิมพ์
มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และทางกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่พิจารณาบทความจนกว่าจะได้แก้ไขให้ถูกต้องตามข้อกําหนดของวารสาร
4. รูปแบบการจัดเตรียมบทความ
4.1 สําหรับการจัดเตรียมบทความภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ต้นฉบับเป็นไฟล์ Microsoft Word โดยใช้ชุดแบบอักษร (Font) ชนิดไทยสารบรรณ (TH Sarabun PSK) ขนาดอักษร 16 point ระยะห่างระหว่างบรรทัด 1 เท่า และการจัดหน้ากระจายแบบไทย (Thai Distributed) โดยตั้งค่าหน้ากระดาษขนาดเอ 4 (A4) (ระยะขอบกระดาษ ด้านบน 4.5 ซม. ด้านล่าง 4.01 ซม.,
ด้านซ้าย/ขวา 3.81 ซม.) พร้อมใส่หมายเลขหน้ากํากับทางมุมขวาบนทุกหน้า และบทความไม่ควรยาวเกิน
14 หน้ากระดาษ โดยนับรวมภาพประกอบและตาราง
4.2 ชื่อเรื่องภาษาไทย โดยใช้ชุดแบบอักษร (Font) ชนิดไทยสารบรรณ (TH Sarabun PSK) ขนาดอักษร 20 point, ตัวหนา (Bold) และในส่วนชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ โดยใช้ชุดแบบอักษร (Font)
ชนิดไทยสารบรรณ (TH Sarabun PSK) ขนาดอักษร 18 point, ตัวหนา (Bold)
4.3 ชื่อผู้เขียน, สังกัดหรือหน่วยงาน, และอีเมล์ (กรณีที่มีผู้เขียนมากกว่า 1 คน ให้เรียงจากผู้เขียนบทความ 1 ผู้ร่วม 2,3,4,5 โดยระบุสังกัดหรือหน่วยงาน และระบุเฉพาะอีเมลของผู้เขียนหลัก หรืออีเมล ของผู้เขียนร่วมที่สามารถติดต่อได้ท่านใดท่านหนึ่ง)
4.4 บทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไม่เกิน 350 คำ
4.5 กําหนดคําสําคัญ (Keywords) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 3 คํา
4.6 การกำหนดหัวข้อ
- หัวข้อหลัก (Heading) ให้กำหนดเป็นอักษรตัวหนา (Bold) และชิดแนวพิมพ์ด้านซ้าย
- หัวข้อรอง (Sub-Heading) ผู้เขียนสามารถเลือกใช้รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งต่อไปนี้ เช่น การย่อหน้า ขีดเส้นใต้หัวข้อย่อย กำกับด้วยตัวเลขหรือตัวอักษรอย่างใดอย่างหนึ่งหรือสลับกันระหว่างตัวอักษรกับตัวเลขก็ได้ แต่ต้องใช้รูปแบบเดียวกันตลอดทั้งบทความ
บทความวิจัยให้เรียงลําดับ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract)
2) บทนํา (Introduction)
3) วัตถุประสงค์ของการวิจัย (Research objectives)
4) วิธีดำเนินการวิจัย (Research methods)
5) ผลการวิจัย (Research results)
6) อภิปรายผลการวิจัย (Discussion of Research Findings)
7) ข้อเสนอแนะ (Suggestions)
8) องค์ความรู้ใหม่ (Originality and Body of Knowledge)
9) เอกสารอ้างอิง (References)
บทความวิชาการให้เรียงลําดับ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract)
2) บทนํา (Introduction)
3) เนื้อหา (Content)
4) สรุป (Conclusion)
5) องค์ความรู้ใหม่ (Originality and Body of Knowledge)
6) เอกสารอ้างอิง (References)
บทวิจารณ์หนังสือให้เรียงลําดับ ดังนี้
1) ชื่อเรื่องของหนังสือ (Title) ให้ระบุทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
2) ชื่อผู้เขียนหนังสือ (Author) ให้ระบุชื่อเต็มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษพร้อมระบุสถาบันหรือหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด
3) ชื่อผู้วิจารณ์ (Name of Reviews) ให้ระบุชื่อเต็มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมระบุสถาบันหรือหน่วยงานของที่ผู้วิจารณ์สังกัด
4) เนื้อหาการวิจารณ์ (Reviews Content) ในการเขียนเกี่ยวกับหนังสือวิจารณ์เนื้อเรื่องจะเป็นส่วนแสดงความคิดเห็นและรายละเอียดในการวิจารณ์ โดยนําเสนอเรื่องราวจุดเด่น จุดบกพร่องของเรื่อง โดยทําการวิจารณ์หรือวิพากษ์อย่างมีหลักเกณฑ์และเหตุผลตามหลักวิชาการ
5) สรุป (Summarizing) เป็นวิธีการเขียนสรุปความคิดเห็นทั้งหมดที่วิจารณ์รวมถึงให้ข้อคิดหรือข้อสังเกตที่เป็นประโยชน์สําหรับผู้อ่าน
6) เอกสารอ้างอิง (References) ใช้รูปแบบการอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหาตามหลักเกณฑ์ APA (American Psychological Association) ซึ่งมีรูปแบบการเขียนอ้างอิงที่นิยมแพร่หลาย โดยมีกฎเกณฑ์การอ้างอิงที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้มีความชัดเจนในการลงรายการงานเขียนต่าง ๆ ที่เป็นรูปแบบเดียวกัน